ดาวโจนส์ยืนในแดนบวกเล็กน้อยติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ – นโยบายไบเดน

.ตลาดคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
.จับตานโยบายประธานาธิบดีคนใหม่กู้วิกฤตโควิด-19 ชาวอเมริกันต้องสวมหน้ากากอนามัย
.นักลงทุนมีความกังวลว่าหุ้นเริ่มมีราคาแพง หวั่นฟองสบู่แตกซ้ำรอยวิกฤตดอทคอม

เมื่อเวลา 22.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,211.53 จุด เพิ่มขึ้น 23.15 จุด หรือ +0.07% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,526.14 จุด เพิ่มขึ้น 68.89 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,857.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.14 จุด หรือ +0.1%
ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวในแดนบวกและลบ หลังวานนี้ดัชนีทำลายสถิติสูงสุดทั้ง 3 ตลาด โดยนักลงทุนมีความหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ของนายไบเดนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


ทั้งนี้ นายไบเดนได้นำเสนอมาตรการ “American Rescue Plan” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์, การเพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์ และเพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ โดยจะขยายโครงการช่วยเหลือดังกล่าวไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.


อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความกังวลว่าหุ้นเริ่มมีราคาแพง โดยขณะนี้ ค่า Forward P/E Ratio ของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 22.8 เท่า ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดในช่วงเกิดฟองสบู่ดอทคอมในปี 2543


ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 900,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 925,000 ราย จากระดับ 926,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้


อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่าตลาดแรงงานต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่จะฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19


นอกจากนั้น นักลงทุนจับตานายไบเดนซึ่งจะประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ และเขาจะลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีจำนวน 10 ฉบับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในสหรัฐ โดยคำสั่งพิเศษดังกล่าวจะรวมถึง การกำหนดให้ชาวอเมริกันจะต้องสวมหน้ากากอนามัยที่สนามบิน, สถานีรถไฟ และสถานีรถขนส่งระหว่างรัฐ


ประธานาธิบดีไบเดนยังเตรียมประกาศใช้กฎหมายการผลิตยามสงคราม (Defense Production Act) เพื่อเร่งการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีการผลิตชุด PPE, ชุดตรวจสอบโควิด และมีการจัดสรรวัตถุดิบในการผลิตวัคซีนอย่างเพียงพอ