ดาวโจนส์ยืนบวกกว่า 250 จุด คาดราคาน้ำมันดิ่งฉุดเงินเฟ้อลด

.นักลงทุนคาดเงินเฟ้อเดือน ก.ค.จะผ่านจุดสูงสุดแล้ว หลังราคาน้ำมันดิบโลกร่วงหนัก
.สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า หลุดระดับ 88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ววันนี้
.ตลาดจับตาทิศทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,057.97 จุด เพิ่มขึ้น
254.50 จุด หรือ +0.78% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,788.17 จุด เพิ่มขึ้น 130.62 จุด หรือ +1.03% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,176.39 จุด เพิ่มขึ้น 31.20 จุด หรือ +0.75%

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น หลังเปิดตลาดวันแรกในสัปดาห์นี้ โดยมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบโลกดิ่งลงอย่างหนักในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดัชนีผู้บริโภค หรือ CPI ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐ ประจำเดือนก.ค.ในวันพุธนี้ จะเริ่มปรับตัวลดลง และจะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

โดยสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้ายังคงปรับตัวลงในวันนี้ ล่าสุด WTI หลุดระดับ 88 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุด 94 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่โดยรวมยังออกมาดีกว่าคาด และตัวเลขการจ้างงานที่ประกาศออกมาในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ยังเพิ่มขึ้น ยังส่งผลดีต่อตลาดหุ้น โดยนักลงทุนประเมินภาพในแง่บวกมากขึ้นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ แม้จะมีการเพิ่มคาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย.

ทั้งนี้ บริษัทกว่า 400 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งราว 77.5% ในจำนวนดังกล่าวได้รายงานกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ขณะที่ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 8.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากที่พุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยดีดตัวขึ้นจากระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย.