ดาวโจนส์ฟื้นเล็กน้อย ปรับขึ้นกว่า 60 จุด หลังดิ่งหนักวานนี้จากกรณี เอเวอร์แกรนด์

. นักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหุ้นที่ดิ่งลงอย่างหนักวานนี้จากความตื่นตระหนกกรณี เอเวอร์แกรนด์
.ตลาดจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รอผล QE
. นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนระบุ ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังมีโอกาสขึ้นต่อ

เมื่อเวลา 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,032.97 จุด เพิ่มขึ้น 62.50 จุด หรือ +0.18% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,763.50 จุด เพิ่มขึ้น 49.60 จุด หรือ +0.34% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,363.77 จุด เพิ่มขึ้น 6.04 จุด หรือ +0.14%

นักลงทุนส่วนหนึ่งหันกลับมาช้อนซื้อหุ้นที่ดิ่งลงอย่างหนักวานนี้ จากความวิตกว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นในวันนี้ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ นายมาร์โค โคลาโนวิช นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ระบุว่า เขายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้น โดยเวลานี้ถือเป็นโอกาสในการเข้าช้อนซื้อหุ้นของนักลงทุน หลังจากมีความตื่นตระหนก และมีปฏิกริยาต่อข่าวเอเวอร์แกรนด์ที่มากเกินไป นอกจากนี้ นายโคลาโนเอวิชยังคาดว่า ดัชนี S&P 500 จะแตะระดับ 4,700 จุด

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้และพรุ่งนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมครั้งนี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐได้มาถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนโยบายเฟดอีกต่อไป

นายวิลเลียม ดัดลีย์ อดีตประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทรุดตัวลงวานนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ จะไม่ส่งผลให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการปรับลดวงเงิน QE

ทั้งนี้ ตลาดยังมีความกังวลกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แนวโน้มที่สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล, ความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา