ดาวโจนส์พุ่งแรงเฉียด250จุดรับเฟด-หุ้นพลังงานพุ่ง

  • เอสแอนด์พี500ทำลายสถิติสูงสุด
  • หุ้นพลังงาน-เทคโนโลยีขึ้นยกแผง
  • ตามติดประเด็นอิหร่านยิงโดรนสหรัฐฯ

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 20 มิ.ย.พุ่ง 249.17 จุด  รับเฟดส่งสัญญาณหั่นดอกเบี้ยคาดลด100% เดือนหน้า และหุ้นพลังงานที่พุ่งขึ้นตามราคาน้ำมัน

ด้านดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนยังคงเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากที่ประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นกว่า 5%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,753.17 จุด เพิ่มขึ้น 249.17 จุด หรือ +0.94% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,954.18 จุด เพิ่มขึ้น 27.72 จุด หรือ +0.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,051.34 จุด เพิ่มขึ้น 64.02 จุด หรือ +0.80%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวอิหร่านยิงโดรนของกองทัพสหรัฐ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 7.9%  หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.6% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.8% ซึ่งคงต้องติดตามท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐว่าจะออกมาในรูปแบบใด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นออราเคิล พุ่งขึ้น 8.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสแรก ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.1% 

หุ้นสแลค เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับภาคธุรกิจ ทะยานขึ้น 49% ปิดที่ระดับ 38.62 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในการซื้อขายวันแรกอย่างไรก็ตาม หุ้นเทสลา ร่วงลง 3.01% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับยอดขายในระยะยาวของเทสลา

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 220,000 ราย