ดาวโจนส์พุ่งทะลุ 29,000 จุดปิดพุ่ง 483 จุด เห็นทางหยุดยั้งไวรัสโคโรนา-เศรษฐกิจแข็งแกร่ง

  • นักลงทุนเห็นความหวังหลังมีข่าวพบยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง-จ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่ง
  • ทรัมป์ ยันเศรษฐกิจสหรัฐหมดยุคเสื่อมถอยแล้ว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 5 ก.พ.ทะลุ 29,000 จุด ปิดที่ที่ 29,290.85 จุด พุ่งขึ้น 483.22 จุด หรือ +1.68% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,334.69 จุด เพิ่มขึ้น 37.10 จุด หรือ +1.13% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,508.68 จุด เพิ่มขึ้น 40.71 จุด หรือ +0.43%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุนในทางบวก หลังจากเห็นโอกาสในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หลังจากหนังสือพิมพ์ฉางเจียงของจีนรายงานว่า ทีมคณะนักวิจัยของศาสตราจารย์หลี่ หลานจวน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของจีนในการคิดค้นยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการวิจัยดังกล่าว โดยผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ยา Abidol และ Darunavir สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพในการทดสอบเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในระดับเซลล์

รวมทั้ง สำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์อังกฤษรายหนึ่งประสบความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยสามารถร่นระยะเวลาในการพัฒนาวัคซีนจากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 ปี เหลือเพียง 14 วัน

นักลงทุนยังเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น หลังออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 291,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2558 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 54.9 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.0

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันผ่านสุนทรพจน์ว่า เวลาของการเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้จบลงแล้ว เช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มองว่าไวรัสโคโรนาไม่ได้ทำให้เปลี่ยนมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะจะเดินหน้าต่อไป ได้

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.6% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 9.8% หุ้นอาปาเช คอร์ป ดีดขึ้น 2.6% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.8%

หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไบโอเจน ทะยานขึ้น 17.5% หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 1.27% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.3% หุ้นซิกนา คอร์ป พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นแอมเจน พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นซีวีเอส เฮลธ์ พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่สุดของสหรัฐ ทะยานขึ้น 4.6%

ขณะที่ในส่วนของการใช้จ่าย หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.9% หลังจากคณะผู้บริหารของเมซีส์ อิงค์ ประกาศแผนการปิดสาขาจำนวน 125 แห่งในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า

นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2512