ดาวโจนส์พุ่งต่อกว่า 288 จุด ลดความกังวลขึ้นดอกเบี้ย-เงินเฟ้อ

.นักลงทุนคลายกังวลหลังเงินเฟ้อ ก.พ.สอดคล้องคาดการณ์
.คาดเฟดยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจเริ่มฟื้น
.ตลาดขานรับการผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้

เมื่อเวลา 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,121.00 จุด เพิ่มขึ้
288.26 จุด หรือ +0.91% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,269.15 จุด เพิ่มขึ้น 195.33 จุด หรือ +1.49% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,911.53 จุด เพิ่มขึ้น 36.09 จุด หรือ +0.93%


นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นต่อเนื่อง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สอดคล้องคาดการณ์ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนั้น ยังทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งทะลุระดับ 1.6% แตะระดับสูงสุดในปีนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้ออ่อนตัวลงด้วยเช่นกัน


ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.


เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.7% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนม.ค. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.7% เมื่อเทียบรายปี


ตลาดติดตามการลงมติผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ เพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


หากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร ก็จะมีการส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง


ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดนจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีทรัพยากรที่เพียงพอในการผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และจะทำให้การจ้างงานของสหรัฐกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในปีหน้า


นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค. เพื่อดูท่าทีของเฟดต่อแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ