ดาวโจนส์พุ่งต่อกว่า 160 จุด ตลาดซึมซับปัจจัยลบ เงินเฟ้อใกล้เคียงนักวิเคราะห์คาด

.ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค.สูงสุดรอบเกือบ 40 ปี
.นักลงทุนมองเป็นโอกาสซื้อหุ้น หลังราคาร่วงหนักก่อนหน้า ขณะที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้นใกล้เคียงนักวิเคราะห์คาด
. ตลาดเก็งกำไรรับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 36,420.89 จุด เพิ่มขึ้น
168.87 จุด หรือ +0.47% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,273.15 จุด เพิ่มขึ้น 119.70 จุด หรือ +0.79% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,739.92 จุด เพิ่มขึ้น 26.85 จุด หรือ +0.57%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวต่อเนื่องจากวานนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525 หรือรอบเกือบ 40 ปี

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งตลาดรับรู้ความเสี่ยงไประดับหนึ่งแล้ว
ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงหลุดระดับ 1.72% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้น

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์