ดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ใกล้คลอด


.ทรัมป์ คาดวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันจะให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
.สื่อรายงานนางเพโลซีและนายมนูชิน มีการเจรจาอย่างสร้างสรรค์
.รัฐบาลอาจจะอนุญาตให้ บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ใช้วัคซีนโควิด-19 ฉุกเฉินเดือน ธ.ค.นี้

เมื่อเวลา 21.20 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหว ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 28,400.10 จุด เพิ่มขึ้น 204.68 จุด หรือ +0.73% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,570.39 จุด เพิ่มขึ้น 91.51 จุด หรือ +0.80% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,454.56 จุด เพิ่มขึ้น 27.64 จุด หรือ +0.81%

ตลาดคาดการณฺ์ว่า ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐภายในวันนี้ ซึ่งเป็นเส้นตายที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศไว้ก่อนหน้านี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันจะให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ผ่านความเห็นชอบของนางเพโลซี และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ แม้ว่าจะมีวุฒิสมาชิกบางรายที่แสดงท่าทีคัดค้านก่อนหน้านี้

“ผมต้องการให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีวงเงินมากกว่าที่พรรคเดโมแครตเสนอเสียอีก แต่ไม่ใช่ทุกคนในพรรครีพับลิกันจะเห็นด้วยกับผม แต่พวกเขาจะเห็นด้วยในที่สุด” ปธน.ทรัมป์กล่าว

ขณะที่โฆษกของนางเพโลซีเปิดเผยว่า นางเพโลซีและนายมนูชินได้มีการหารือกันทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ ซึ่งการเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ โดยทั้งสองฝ่ายสามารถลดช่องว่างของความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบที่ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ต.ค.เวลา 21.00-22.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันศุกร์ที่ 23 ต.ค.เวลา 08.00-09.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจของทุกสำนักโพลล์ต่างฟันธงว่าไบเดนจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอาจอนุญาตให้มีการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉินในเดือนธ.ค. หากวัคซีนดังกล่าวมีผลการทดลองทางคลินิกเป็นที่น่าพอใจในเดือนพ.ย.

ขณะที่บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) งเปิดเผยกำไรและรายได้ในเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ตามปีงบการเงินของบริษัท สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ผู้บริโภคแห่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับขึ้น ขณะที่นักลงทุนมีความหวังต่อการฟืนตัวของเศรษฐกิจ