ดาวโจนส์พลิกปิดบวก 92 จุด ท่ามกลางคงามกังวลวิกฤตยูเครน

.นักลงทุนเทขายหุ้นบางส่วนลดความเสี่ยง หวั่นสงครามยูเครนกระทบเศรษฐกิจโลก
.หุ้นเทคโนโลยีขึ้นแรง ช่วยพยุงดัชนีปิดแดนบวก
.ตลาดจับตาถ้อยแถลงนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ต่อสภาคองเกรส

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24ก.พ.ที่ 33,223.83 จุด เพิ่มขึ้น 92.07 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,288.70 จุด เพิ่มขึ้น 63.20 จุด หรือ +1.50% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,473.59 จุด พุ่งขึ้น 436.10 จุด หรือ +3.34%

ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน โดนดัชนีร่วงลงอย่างหนัก หลังมีรายงานว่ารัสเซียได้บุกโจมตียูเครนทั้งทางบก ทะเล และอากาศ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์รุกรานประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เตรียมเสริมกำลังทหารทางฝั่งตะวันออก ซึ่งรวมถึงการเตรียมเครื่องบินรบจำนวนกว่า 100 ลำ หลังจากที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตียูเครน

โดยนายโอเลกซี อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ทหารยูเครนเสียชีวิตมากกว่า 40 นายและบาดเจ็บหลายสิบนายในการสู้รบกับกองกำลังรัสเซียเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ดี ตลาดดีดตัวขึ้น จากการเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ของนักลงทุนหลังราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 4.61% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4% ห้นแอปเปิล บวก 1.67% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 5.11% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 6.14% หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 6.78%

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตอาวุธพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยหุ้นนอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) พุ่งขึ้น 2.58% หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) บวก 1.72% หุ้นเรย์เธียน เทคโนโลยีส์ (Raytheon Technologies) พุ่งขึ้น 2.20%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2564 ซึ่งระบุว่า ตัวเลข GDP ขยายตัว 7.0% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.9%

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 17,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 232,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค. โดยอาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16มี.ค.นี้