ดาวโจนส์ผันผวนแกว่งตัวในแดนลบ โดยลดลงมากกว่า 40 จุด กังวลโควิดเดลตาระบาด

.ดัชนี PCE พื้นฐาน ดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่านักลงทุนคาด
.นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ แต่กังวลการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐ
.ตลาดติดตามการระบาดของโควิด สายพันธุ์เดลตา หลัง CDC เตือนว่ากลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯแล้ว

เมื่อเวลา 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,037.25 จุด ลดลง 47.28 จุด หรือ -0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,678.09 จุด ลดลง 100.18 จุด ลดลง -0.68% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,402.77 จุด ลดลง 16.38 จุดหรือ -0.37%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2534 อย่างไรก็ดี ดัชนี PCE พื้นฐานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค.ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6%

นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่การประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาสที่ 2 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด นอกจากนั้น ตลาดมีความกังวลการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก และสถานการณ์ในสหรัฐฯ โดย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ออกเอกสารเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยได้เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถติดต่อได้ง่ายเหมือนโรคอีสุกอีใส และมีช่วงเวลาในการแพร่ระบาดยาวนานกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม

ทั้งนี้ CDC เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะทำให้ผู้สูงอายุเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น แม้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส โดยไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดใน 132 ประเทศทั่วโลก และได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ สามารถแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดสเปน ไข้ทรพิษ เชื้ออีโบล่า โรคซาร์ส (SARS) และโรคเมอร์ส (MERS) ฌเยมีเพียงโรคหัด (measles) เท่านั้นที่มีการระบาดได้เร็วกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ส่วนทางกับนักวิเคราะห์ท่่คาดว่าลดลง 0.2% ทั้งนี้ การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคลได้รับแรงหนุนจากการที่สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจ หลังจากที่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19