ดาวโจนส์ปิดในแดนบวก33จุด ลุ้นเฟดลดดอกเบี้ย-ซาอุฯฟื้นกำลังการผลิต

  • ปัจจัยบวกเหตุการณ์ตึงเครียดตะวันออกกลางดีขึ้น
  • ราคาน้ำมันดิ่งพาหุ้นพลังงานปรับตัวลดลง
  • รอลุ้นผลประชุมเฟดลดดอกเบี้ยต่อหรือไม่คืนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวันที่ 17 ก.ย.ที่ 27,110.80 จุด เพิ่มขึ้น 33.98 จุด หรือ +0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,186.02 จุด เพิ่มขึ้น 32.47 จุด หรือ +0.40% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,005.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.74 จุด หรือ +0.26%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนยังคงถือหุ้นเพื่อรอดูปัจจัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียเริ่มผ่อนคลายลง ภายหลังจากเจ้าชายอับดูลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า การผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียจะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน แม้ว่าสหรัฐกล่าวหาอิหร่านว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีซาอุดีอาระเบียก็ตาม

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น defensive stocks หรือหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเป๊ปซี่โค เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นโคคา-โคลา ดีดขึ้น 0.5% ส่วนหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคนั้น หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.82% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ พุ่งขึ้น 1.06% หุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 1.07%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงเกือบ 6% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 5.5% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 6.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทรุดลง 13.2% หุ้นอาปาเช คอร์ป ร่วงลง 8.5% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.2% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.7%

นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนคาดว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวแถลงการณ์หลังการประชุมในครั้งนี้เช่นกัน ทั้งนี้ นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นลดลงว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมครั้งนี้ โดยมีความเชื่อมั่นประมาณ60%กว่าๆว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย