ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 10 จุด รอปัจจัยบวกใหม่ๆหนุนตลาด

.นักลงทุนคลายกังวลเงินเฟ้อสูง มองเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง
.ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวแคบๆ จับตาปัจจัยใหม่ด้านเศรฐกิจ
.ตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัว หนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 26พ.ค.ที่ 34,323.05 จุด เพิ่มขึ้น 10.59 จุด หรือ +0.03% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,195.99 จุด เพิ่มขึ้น 7.86 จุด หรือ +0.19% ดัชนีแจสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,738.00 จุด เพิ่มขึ้น 80.82 จุด หรือ +0.59%

นักลงทุนคลายกังวลเงินเฟ้อและกลับมาซื้อหุ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นต่อเนื่องว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมานั้น จะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อทะยานขึ้นแบบไม่พึงประสงค์และสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวอย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดรอปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่จะมาหนุนดัชนีให้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.93% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.22% หุ้นเชฟรอน บวก 0.24% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.98% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.55%

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธุรกิจในภาคส่วนเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 2.95% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.81% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดีดตัวขึ้น 1.76% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 2.76 หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 3.91%

ทั้งนี้ ผู้บริหารของสายการบินหลายแห่งในสหรัฐ รวมทั้งหน่วยงานด้านการบินของรัฐบาลสหรัฐ คาดการณ์ว่า การเดินทางทางอากาศภายในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ และจะช่วยให้ผลประกอบการของสายการบินแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปียังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1.6% โดยหุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.74% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.2% หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 0.33%

หุ้นแอมะซอน ขยับขึ้น 0.19% หลังจากแอมะซอนประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท Metro Goldwyn Mayer (MGM) ซึ่งเป็นสตูดิโอภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐ ในวงเงิน 8.45 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเปิดทางให้แอมะซอนเข้ารุกธุรกิจภาพยนตร์และทีวี และสามารถแข่งขันกับเน็ตฟลิกซ์และดีสนีย์

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 8.5% หลังบริษัทประกาศแผนเพิ่มการลงทุนเพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2) ของสหรัฐในวันนี้ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE นับเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ