ดาวโจนส์ปิดลบ 185จุด รับแรงเทขายทำกำไรผลประกอบการ

.ตัวเลขเศรฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาดีขึ้นทั้งในด้านแรงงานและการใช้จ่าย
.นักลงทุนเทขายหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปิดเศรษฐกิจ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
.ตลาดผันผวนรับแรงซื้อขายทำกำไรการประกาศผลประกอบการบริษัท ไตรมาสแรก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 30 เม.ย.ที่ 33,874.85 จุด ลดลง 185.51 จุด หรือ -0.54%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,181.17 จุด ลดลง 30.30 จุด หรือ -0.72% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,962.68 จุด ลดลง 119.86 จุด หรือ -0.85%

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ชัดเจนขึ้น
ทำให้นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการปิดเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
เป็นแรงกดให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในแดนลบ

ทั้งนี้ นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นแอปเปิล, อัลฟาเบท และเฟซบุ๊ก หลังจากที่บริษัทเหล่านี้รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่สดใสในสัปดาห์นี้

หุ้นแอมะซอน.คอม ลดลง 0.1% แม้เปิดเผยผลกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ และส่งสัญญาณว่าผู้บริโภคจะยังคงใช้จ่ายต่อไปขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว

หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 15% หลังเปิดเผยคาดการณ์รายได้ที่ซบเซาในไตรมาส 2 โดยระบุว่าการขยายตัวของผู้ใช้งานอาจชะลอลง เนื่องจากแรงหนุนในช่วงที่เกิดโรคโควิด-19 ระบาดนั้นได้ลดน้อยลง

หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 3.6% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรก ร่วงลง 29% โดยได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่นและการผลิตน้ำมันที่ลดลง

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาวานนี้ยังเป็นทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 88.3 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐในเดือนมี.ค. 2563 จากระดับ 84.9 ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 87.0

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุด พุ่งขึ้น 0.9% ในไตรมาส 1/2564 เมื่อเทียบรายไตรมาส สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 4/2563 และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี ECI ปรับตัวขึ้น 2.6% จากระดับ 2.5% ในไตรมาส 4/2563

รวมทั้ง ข้อมูบของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ดีดตัวขึ้น 2.3% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 1.8% ในเดือนมี.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.1% หลังจากลดลง 1.0% ในเดือนก.พ. นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลพุ่งขึ้น 21.2% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 20.3% หลังจากลดลง 7.0% ในเดือนก.พ.