ดาวโจนส์ปิดลบ 10.55 จุด หวั่นผลประกอบการบริษัทแย่ชี้เศรษฐกิจถดถอย

  • ธนาคารโกลด์แมน แซคส์รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 1/2566
  • ตลาดกังวลผลประกอบการบริษัทที่จะทยอยประกาศออกมาแย่กว่าคาดชี้เศรษฐกิจสะดุด
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 18 เม.ย.ที่ 33,976.63 จุด ลดลง 10.55 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,154.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.55 จุด หรือ +0.09% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,153.41 จุด ลดลง 4.31 จุด หรือ -0.04%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนแกว่งตัวทั้งในแดนลบและแดนบวก หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลดลง ปิดตลาดลดลง 0.89% หลังจากที่ดิ่งลงเกือบ 3% ในระหว่างวัน ภายหลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรลดลงสู่ระดับ 3.09 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2566 จากระดับ 3.83 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2565 และรายได้ลดลง 5% สู่ระดับ 1.222 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.279 หมื่นล้านดอลลาร์

ผลประกอบการที่อ่อนแอของโกลด์แมน แซคส์ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงในธุรกิจซื้อขายตราสารหนี้ และการทำข้อตกลงควบรวมกิจการ รวมทั้งการขาดทุนจำนวน 470 ล้านดอลลาร์จากการขายพอร์ทเงินกู้ “มาร์กัส”

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ร่วงลง 2.81% หลังจากบริษัทได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการดำเนินงานที่อาจสูงขึ้นในปีนี้ เนื่องจากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่บริษัทเปิดเผยผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.68 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.50 ดอลลาร์

การร่วงลงของหุ้น J&J ได้ฉุดราคาหุ้นบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ลดลง 0.11% หุ้นอิไล ลิลลี่ ปรับตัวลง 0.66% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ลดลง 0.33% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ลดลง 0.15%

อย่างไรก็ดี หุ้นล็อกฮีด มาร์ติน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.37% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 6.43 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 6.06 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรป ทะเลจีนใต้ และอินโด-แปซิฟิก ซึ่งทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้ออาวุธจำนวนมากจากรัฐบาลสหรัฐและประเทศต่างๆ

หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 0.63% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 94 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 82 เซนต์

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซีได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอินวิเดียขึ้นสู่ระดับ “Buy” จากระดับ “Reduce”

นักลงทุนยังคงจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 4.8% ในไตรมาส 1/2566

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุดนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในรายการ “Squawk on the Street” ของสำนักข่าว CNBC เมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน