ดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย 7 จุด กังวลเงินเฟ้อ-ผลประกอบการบริษัทไม่ได้ตามเป้า

.ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน ปัจจัยลบยังคงรุมเร้าตลาด
.นักลงทุนยังคงกังวลเฟด เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
.ตัวเลขจีดีพีของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2564ที่ 6.9%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 27 ม.ค.ที่ 34,160.78 จุด ลดลง 7.31 จุด หรือ -0.02%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,326.51 จุด ลดลง 23.42 จุด หรือ-0.54% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,352.78 จุด ลดลง 189.34 จุด หรือ -1.40%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนต่อเนื่องมาหลายวัน โดยในช่วงแรกดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด ขานรับตัวเลขการประมาณการตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐที่ขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5% และเมื่อพิจารณาทั้งปี 2564 ตัวเลข GDP สหรัฐขยายตัว 5.7% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527 และตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังดีต่อเนื่อง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 30,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 270,000 ราย

อย่างไรก็ดี ตลาดกลับเข้าสู่แดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า “ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเฟดไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงมากในขณะนี้” โดยถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าและรุนแรงมากกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้

นอกจากผลประกอบการที่ดีน้อยกว่าที่คาดยังเป็นตัวฉุดีชนี โดยหุ้นอินเทล ร่วงลง 7.04% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 ที่ระดับ 80 เซนต์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 86 เซนต์

การเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่ย่ำแย่ของอินเทลได้ฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปร่วงลง 4.8% และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ด้วย โดยหุ้นควอลคอม ร่วงลง 3.47% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 3.96% หุ้น NVIDIA ร่วงลง 3.64% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 7.33%

หุ้นคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.93% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 77 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 73 เซนต์ แต่จำนวนลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้น 212,000 ราย ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ราย

หุ้นแมคโดนัลด์ ปรับตัวลง 0.44% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 2.23 ดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.34 ดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

หุ้นเทสลา ร่วงลง 11.55% โดยราคาหุ้นถูกกดดันจากการที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาคาดการณ์ว่า เทสลาอาจจะเผชิญปัญหาชิปขาดแคลนต่อไปในปีนี้ และยังกล่าวด้วยว่าในปีนี้เทสลาอาจจะไม่มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ เนื่องจากบริษัทยังคงขาดแคลนชิปในการผลิตรถยนต์ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า