ดาวโจนส์ปิดบวก 82 จุด หวังทิศทางเศรษฐกิจยังฟื้นต่อ

  • ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายจีดีพี ไตรมาส 1/65 เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% สูงกว่าคาด
  • เจพีมอร์แกนออกรายงานคาด เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถดถอยในปีนี้
  • มีแรงซื้อเข้ามาช้อนซื้อหุ้นที่ราคาลดลงมากในช่วงก่อนหน้าสะสม รอทำกำไร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 29 มิ.ย.ที่ 31,029.31 จุด เพิ่มขึ้น 82.32 จุด หรือ +0.27%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,818.83 จุด ลดลง 2.72 จุด หรือ -0.07% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,177.89 จุด ลดลง3.65 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวน โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งเริ่มกลับมาซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสะสม อย่างไรก็ตาม ตลาดยังถูกกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ย และมีโอกาสมากขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงก็ตาม

นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจัดขึ้นที่โปรตุเกสเมื่อวานนี้ว่า “เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลง ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็คือการลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยง แต่ผมก็มองว่านี่ไม่ใช่ความเสี่ยงใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจ โดยความผิดพลาดมากกว่าที่อาจเกิดขึ้นก็คือความล้มเหลวในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ดังนั้นเราจะป้องกันไม่ให้ภาวะเงินเฟ้อต่ำกลายเป็นภาวะเงินเฟ้อสูง โดยในระยะสั้น เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ล่าสุดทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถดถอยในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการหดตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และการที่เฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ไตรมาส 1/2565 เมื่อคืนนี้โดยระบุว่า GDP หดตัว 1.6% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% และ 1.5% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะหดตัว 1.5% ในไตรมาส 1

ทั้งนี้ หากตัวเลข GDP สหรัฐหดตัวต่อไปในไตรมาส 2/2565 ก็จะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว2 ไตรมาสติดต่อกัน

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุดหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเกือบ 2% ทั้งนี้ หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 1.46% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.04% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 3.96% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.69% หุ้นเชฟรอน ลดลง2.01%

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ทรุดตัวลง 23.58% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 และประกาศปลดนายมาร์ค ทริตทัน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ

หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งบรรจุภัณฑ์ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 1.98% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) พุ่งขึ้น 1.69% หุ้นจีเลียด ปรับตัวขึ้น 0.43% หุ้นโมเดอร์นา บวก 0.44% หุ้นไฟเซอร์ ดีดขึ้น 0.55%