ดาวโจนส์ปิดบวก 236จุด ไบเดนยันไม่ล็อกดาวน์ครั้งใหม่สู้โอมิครอน

.นักลงทุนซื้อหุ้นเก็งกำไรหลังดัชนีร่วงแรงสัปดาห์ที่แล้ว
.โจ ไบเดนยืนยันว่า สหรัฐไม่มีแผนล็อกดาวน์เศรษฐกิจครั้งใหม่
.หุ้นบริษัทวัคซีนขึ้นยกแผง จ่อผลิตสูตรใหม่ต้านโอมิครอน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 29พ.ย. ที่ 35,135.94 จุด เพิ่มขึ้น 236.60 จุด หรือ +0.68%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,655.27 จุด เพิ่มขึ้น 60.65 จุด หรือ +1.32% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 15,782.83 จุด เพิ่มขึ้น 291.18 จุด หรือ +1.88%

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐปรับดีขึ้น หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดนยืนยันว่า สหรัฐไม่มีแผนล็อกดาวน์เศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งเข้าช้อนซื้อหุ้นเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว

ประธานาธิบดีไบเดน ยืนยันว่า หากประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนและสวมหน้ากากอนามัย ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องล็อกดาวน์ และจะไม่มีการประกาศห้ามการเดินทางครั้งใหม่

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยปรับตัวขึ้น 2.6% นำโดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.35% หุ้นแอมะซอน เพิ่มขึ้น 1.63% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดีดขึ้น 1.47% หุ้นไมโครอซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 2.19%

หุ้นโมเดอร์นา ทะยานขึ้น 11.80% หลังจากดร.พอล เบอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการแพทย์ของโมเดอร์นาประกาศว่า บริษัทจะสามารถพัฒนาวัคซีนสูตรปรับปรุงใหม่เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างเร็วที่สุดภายในต้นปีหน้า

หุ้นไบออนเทค พุ่งขึ้น 4.17% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวขึ้น 0.35% เช่นกัน หลังจากทั้งสองบริษัทประกาศเริ่มพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่เพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นการเฉพาะ

อย่างไรก็ดี หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ร่วงลง 5.39% หลังจากเมอร์คเปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลการทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ซึ่งเมอร์คพัฒนาขึ้นร่วมกับบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์ โดยพบว่ายาดังกล่าวลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้น้อยกว่าที่เคยประกาศไว้ในผลการทดลองเบื้องต้น

หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 2.66% หลังจากนายแจ็ค ดอร์ซีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทวิตเตอร์ประกาศลาออก

ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังออกมาดีสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยนักลงทุนติดตามตัวเลขตลาดแรงงานศุกร์นี้