ดาวโจนส์ปิดบวก 10 จุด รอจับตาสถานการณ์โควิด – ปิดธุรกิจรอบ2

  • ตลาดรับข่าวดีไฟเซอร์ อิงค์-BioNTech ได้รับ “fast track” จาก FDA ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19
  • หลายรัฐเข้มเดินทาง-ปิดธุรกิจรับมือโควิด-19 ระลอก 2 หลังผู้ติดเชื้อใหม่ยังสูงต่อเนื่อง
  • นักลงทุนจับตาประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะประกาศวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 13ก.ค.ที่ 26,085.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.50 จุด หรือ +0.04% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,155.22 จุด ลดลง 29.82 จุด หรือ -0.94% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,390.84 จุด ลดลง 226.60 จุด หรือ -2.13%

ช่วงเปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังกับความคืบหน้าของไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ที่ได้รับสถานะ “fast track” จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 โดยจะได้รับการผ่อนคลายกฎระเบียบจาก FDA และส่งผลให้การพัฒนาวัคซีนทำได้รวดเร็วมากขึ้น

หุ้นไฟเซอร์ ปิดตชาดพุ่งขึ้น 4.05% ขณะที่หุ้น BioNTech ทะยานขึ้น 10.55%

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ เผยแพร่เอกสารการวางแผนรับมือการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 (COVID-19 Pandemic Planning Scenarios) ฉบับล่าสุด ซึ่งระบุว่า ราว 40% ของผู้มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ไม่ได้แสดงอาการของโรคออกมา แต่ยังแพร่เชื้อได้ โดยประเมินว่าผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการมีอัตราการแพร่เชื้ออยู่ที่ 75% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่แสดงอาการของโรค

ขณะที่นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้สั่งการให้ทุกเขตในรัฐ ปิดบาร์ ภัตตาคารที่นั่งรับประทานภายในร้าน โรงภาพยนตร์ และโรงกลั่นไวน์ หลังจากยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้ออกคำสั่งฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเมื่อวานนี้ เพื่อกำหนดให้ประชาชนทุกคนที่เดินทางมาจากรัฐที่มียอดติดเชื้อโควิด-19 ในอัตราที่สูงต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในรัฐนิวยอร์ก มิฉะนั้นจะถูกปรับเป็นเงิน 2,000 ดอลลาร์

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปร่วงลงแรง เป็นปัจจัยหลักกดดันดัชนี โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.09% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 3% หุ้นอินเทล ลดลง 1.60% หุ้น Nvidia ร่วงลง 4.07% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.48% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.74% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 4.10%

หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 5.45% เนื่องจากความกังวลที่ว่า การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อแผนการกลับมาให้บริการของคาร์นิวัล

หุ้นเทสลา ปิดตลาดร่วงลง 3.08% จากการทำกำไรในช่วงท้าย โดยระหว่างวันทะยานขึ้นแข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า เทสลาจะรายงานตัวเลขกำไรเป็นบวกติดต่อกัน 4 ไตรมาส

หุ้นเป๊ปซี่โค บวก 0.33% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จากการที่ผู้บริโภคแห่ซื้อเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว เนื่องจากต้องใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น ตามมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส2 ของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่จะเริ่มรายงานตัวเลขผลกำไรในวันนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการร่วงลง 44% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551