ดาวโจนส์ปิดตลาด เพิ่มขึ้น 185.46 จุด ดัชนีแนสแด็กพุ่งทุบ สถิติรอบใหม่

  • นักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดันดัชนีแนสแด็ก ทำสถิติใหม่ยืนเหนือ 11,000 จุดเป็นครั้งแรก
  • ตลาดมีความหวังสภาคองเกรสอกมาตรการกระตุ้นรอบใหม่เร็วๆ นี้
  • ตัวเลขคนว่างงานใหม่ลดลงครั้งแรก ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งไม่หยุดทะลุ 5 ล้านราย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 6 ส.ค.ที่ระดับ 27,386.98 จุด เพิ่มขึ้น 185.46 จุด หรือ +0.68% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,349.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.39 จุด หรือ +0.64%ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,108.07 จุด เพิ่มขึ้น 109.67 จุด หรือ +1.00% ทำสถิติพุ่งขึ้นเหนือระดับ 11,000 จุดเป็นครั้งแรก จากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่ล่าช้ามาระยะหนึ่ง ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นนต่อเนื่อง โดยนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็มีความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คาดหวังว่าสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ นายมาร์ค มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานของทำเนียบขาว และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า หากทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เตรียมที่จะใช้สิทธิอำนาจของประธานาธิบดีในการขยายโครงการช่วยเหลือคนตกงาน หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.186 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยังคงสูงกว่า 1 ล้านคนต่อเนื่องมาก 20 สัปดาห์

นักลทุนยังเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีตลาด โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.49% หุ้นเฟซบุ๊ก ทะยานขึ้น 6.49% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 1.39% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.75% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 1.6% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.62% ขณะที่ซื้อหุ้นที่ประกาศผลประกอบการดีเพื่อเก็งกำไร โดยหุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ สควิบบ์ พุ่งขึ้น 2.75% หุ้นเวียคอมซีบีเอส พุ่งขึ้น 3.42% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2

อย่างไรห็ตาม หุ้นเรสโตรองท์ แบรนด์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (RBI) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเบอร์เกอร์ คิง ร่วงลง 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ดิ่งลง 25% แตะระดับ 1.05 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดี บริษัทมีกำไร 33 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 31 เซนต์/หุ้น

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และในอัตราที่สูง ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยล่าสุด Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทะลุ 5 ล้านรายแล้ว โดยอยู่ที่ 5,000,333 ราย และมีผู้เสียชีวิต 162,101 ราย

นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 10.7%