ดาวโจนส์ปิดตลาด ลดลง22.96จุด กังวลภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นช้า

  • นักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
  • จับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
  • ตลาดกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลไบเดนล่าช้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 26ม.ค.ที่ 30,937.04 จุด ลดลง 22.96 จุด หรือ -0.07% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,849.62 จุด ลดลง 5.74 จุด หรือ -0.15% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,626.06 จุด ลดลง 9.93 จุด หรือ -0.07%

ตลาดได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว้าคาด แต่ยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 และความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทเอกชนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจในอนาคต

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุดถึง 2.12% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.09% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.68% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.18% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.31%

หุ้น 3M พุ่งขึ้น 3.26% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 1.389 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.38 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 969 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.66 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562

ทั้งนี้ ผลประกอบการของ 3M ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทดำเนินนโยบายลดต้นทุน รวมทั้งได้ประโยชน์จากยอดขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และหน้ากากนิรภัย ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้น 2.73% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 1.86 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.82 ดอลลาร์/หุ้น ขณะเดียวกันคาดว่า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ได้ทำการทดลองวัคซีนในระยะที่ 3 กับอาสาสมัครจำนวน 45,000 คน

หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) พุ่งขึ้น 2.73% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 2.193 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 2.183 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี บริษัทมีกำไรเพียง 8 เซนต์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9 เซนต์/หุ้น

สำหรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ แอปเปิล, ไมโครซอฟท์, โบอิ้ง, เน็ตฟลิกซ์ และเทสลา

นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะที่ตลาดจับตาดูว่าเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนหรือไม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ