ดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 66 จุด กังวลความขัดแย้งยูเครน-ผลประชุมเฟด

.นักลงทุนยังคงขายหุ้นต่อเนื่อง กังวลสถานการณ์ยูเครนที่ตึงเครียดมากขึ้น
.ตลาดจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ย รอลุ้นผลประชุมเฟดวันนี้
.มีแรงซื้อในกลุ่มพลังาน และธนาคาร หลังผลตอบแทนปรับดีขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 25 ม.ค. ที่ 34,297.73 จุด ลดลง 66.77 จุด หรือ -0.19%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,356.45 จุด ลดลง 53.68 จุด หรือ -1.22% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,539.30 จุด ลดลง 315.83 จุด หรือ -2.28%

ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงผันผวน โดยระหว่างวันปรับตัวลดลงแรงก่อนมีแรงช้อนซื้อกลับมาอีกครั้ง ทำให้ดัชนีลดลงไม่มาก ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน ยังเป็นปัจจัยสำคัญกระทบบรรยากาศการลงทุน โดยล่าสุดกองทัพสหรัฐได้สั่งการให้ทหารประมาณ 8,500 นายเตรียมพร้อมเคลื่อนกำลังพลไปยังยุโรปในเร็ว ๆ นี้หากจำเป็น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่เตรียมเผชิญหน้ากับกองทัพรัสเซียนับ 100,000 รายที่สั่งสมกำลังตามแนวชายแดนติดกับยูเครน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองมองว่า แม้การตัดสินใจดังกล่าวไม่ได้แปลว่าสหรัฐจะสนับสนุนยูเครนซึ่งไม่ใช่ประเทศสมาชิกของนาโต แต่ก็เป็นการยืนยันว่านาโตเตรียมพร้อมรับมือกับรัสเซีย เนื่องจากเชื่อว่ารัสเซียมีแผนบุกยูเครนเช่นเดียวกับที่ได้ใช้กำลังทหารผนวกคาบสมุทรไครเมียในปี 2557

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยระบุถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19, ภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น

ทั้งนี้ IMF คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.4% ในปี 2565 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.9% พร้อมกับคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 4.0% ในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 5.2% โดยได้รับผลกระทบจากการที่เฟดถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงิน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับ 1.78% โดยหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดิ่งลง 2.77% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.14% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.66% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.96% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 5.35% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 3.15%

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ทรุดตัวลง 5.98% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2564 ลดลง 3% สู่ระดับ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเกือบ 3% และเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 2.86% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 2.13 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.12 ดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดจำหน่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 มูลค่า 1.82 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ราว 3.0-3.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้

หุ้น IBM ทะยานขึ้น 5.65% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 3.35 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.30 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ไมโครซอฟท์, เทสลา และแอปเปิล

ทั้งนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 113.8 ในเดือนม.ค. จากระดับ 115.2 ในเดือนธ.ค. โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดของโควิด-19