ดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงเล็กน้อย 47 จุดกังวลเศรษฐกิจถดถอย

.นักลงทุนกังวลประธานเฟดยอมรัยขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้เศรษฐกิจถดถอย
.ราคาน้ำมันดิบร่วง ฉุดหุ้นหุ้นกลุ่มพลังงานลดลงแรง
.มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มปลอดภัย ช่วยหนุนดัชนีตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 21 มิ.ย.ที่ 30,483.13 จุด ลดลง 47.12 จุด หรือ -0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,759.89 จุด ลดลง 4.90 จุด หรือ -0.13% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,053.08 จุด ลดลง 16.22 จุด หรือ -0.15%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงและเฟดกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยเฟดมีทั้งเครื่องมือที่จำเป็นและมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคาสำหรับครัวเรือนและภาคธุรกิจของชาวอเมริกัน โดยมองว่าเศรษฐกิจอเมริกามีความแข๋งแกร่งเพียงพอ

แต่เมื่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสตั้งคำถามว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปและรวดเร็วเกินไปนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ ซึ่งนายพาวเวลตอบว่า “มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอย แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เฟดต้องการก็ตาม”

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้แล้ว นายพาวเวลมีกำหนดแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (23 มิ.ย.)

ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ค. โดยผลการสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ราว 3 ใน 4 ที่ถูกสำรวจ หรือ 67 จาก 91 ราย คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.75% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537

ตลาดจับตาทิศทางราคาน้ำมัน หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตรียมเสนอให้มีการระงับการจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันแพงในสหรัฐ โดยได้เตรียมทำการประกาศในวันนี้เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย โดยเขาจะเรียกร้องสภาคองเกรสให้การอนุมัติต่อการระงับการจัดเก็บภาษีรัฐบาลกลางสำหรับน้ำมันเบนซินเป็นเวลา 3 เดือน

ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวสูงขึ้น

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงแรง 4.19% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลง 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.96% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 4.35% หุ้นชลัมเบอร์เจอร์ ร่วงลง 3.35% หุ้นฟิลลิปส์ 66 ดิ่งลง 5.7% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.35%

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 1.29% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 7.94% หุ้นนูคอร์ ดิ่งลง 3.94% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ลดลง 0.58% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ร่วงลง 2.65%

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ดีดขึ้น 0.54% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส บวก 0.98% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.28% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ พุ่งขึ้น 1.95%

หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 4.68% หลังจากบริษัทเปิดตัววัคซีนป้องกันโควิด-19 รุ่นใหม่ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ดียิ่งขึ้น