ดาวโจนส์ปิดตลาดดิ่งแรง 1,063จุด ตลาดไม่เชื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป

  • ตลาดคาดเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนหน้า
  • นักลงทุนเทขายหุ้นทำกำไรและลดความเสี่ยง รอดูสถานการณ์เศรษฐกิจ
  • ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 5พ.ค.ที่ 32,997.97 จุด ดิ่งลง 1,063.09 จุด หรือ -3.12%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,146.87 จุด ลดลง 153.30 จุด หรือ -3.56% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,317.69 จุด ร่วงลง 647.16 จุด หรือ -4.99%

ตลาดหุ้นสหรัฐส่งสัญญาณปรับฐานรอบใหม่ โดยนักลงทุนไม่มั่นใจการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (4 พ.ค.) ว่าอาจไม่มากพอที่จะสกัดเงินเฟ้อ และมีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75% ในการประชุมเดือนหน้า แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 2.00% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 2.85% ในช่วงสิ้นปีนี้

ดัชนีดาวโจนส์ และแนสแด็ก ร่วงลงแรงมาก และเป็นการร่วงที่รุนแรงที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 2563 ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับ 31.20 จุด

คิม รูเพิร์ท กรรมการผู้จัดการของบริษัทแอคชั่น อิโคโนมิกส์ แสดงความเห็นว่า แม้นายพาวเวลยืนยันว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แต่คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในปีนี้ ก็จะยิ่งเปิดทางให้เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก

มีแรงขายหุ้นออกมาในทุกกลุ่ม นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 5.81% โดยหุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ทรุดตัวลง 7.3% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 6.85% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 5.89% หุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ลดลง 0.63%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 4.93% โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 7.69% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 4.36% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 4.71% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 6.77% หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 7.56% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 5.57%

หุ้น Etsy และหุ้นอีเบย์ ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ร่วงลง 16.83% และ 11.72% ตามลำดับ หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจอยู่ในภาวะทรงๆตัว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 200,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2564

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐดิ่งลง 7.5% ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2490 หลังจากขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 4/2564

นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.จะเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.5%