.นักลงทุนจับตาพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่เที่ยงคืนนี้
.ตลาดคาดหวังรัฐบาลใหม่เร่งออกมาตรการช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
.มีแรงซื้อรับผลประกอบการบริษัทที่ออกมาดีกว่าคาด-ไฟเซอร์ยันวัคซีนสู้โควิดสายพันธ์ุอังกฤษได้
เมื่อเวลา 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ31,031.91 จุด เพิ่มขึ้น 101.39 จุด หรือ +0.33% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,379.33 จุด เพิ่มขึ้น 182.15 จุด หรือ +1.38% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,824.40 จุด เพิ่มขึ้น 25.49 จุด หรือ +0.67%
นักลงทุนจับตาพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดน ซึ่งมีกำหนดในช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเที่ยงคืนนี้ตามเวลาไทย โดยคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายใดๆ เกินขึ้น
ทั้งนี้ นายไบเดน ระบุว่า จะเร่งขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันนี้ โดยเขากล่าวว่าการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดน มิฉะนั้น เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะถดถอยที่ยาวนาน และประสบความเสียหายในระยะยาว
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4 ซึ่งหลายบริษัทที่ประกาศออกมาก่อนหน้า มีผลประกอบการดีเกินคาด ในขณะที่วันนี้ มอร์แกน สแตนลีย์และเน็ตฟลิกซ์ ก็ประกาศผลประกอบการที่ดีว่าคาดเช่นกัน
โดยมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2563 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
โดยมีกำไรที่ระดับ 1.81 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.27 ดอลลาร์/หุ้น และธนาคารมีรายได้ 1.364 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.154 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านบริษัทเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้และจำนวนผู้ใช้บริการสูงกว่าคาด โดยเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 6.64 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.62 พันล้านดอลลาร์ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5 ล้านราย
นอกจากนั้น ยังมีความคืบหน้าที่ดีเกี่ยวกับวัคซีน เป็นแรงหนุน โดยผลการศึกษาล่าสุด ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบโอเอ็นเทค ระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งบริษัททั้งสองพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ B.1.1.7. และสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 70%
โดยรายงานของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ระบุว่า ผลการทดลองพบว่าวัคซีนของบริษัทมีคุณสมบัติในการสร้างภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.7. และสายพันธุ์ดั้งเดิม โดยไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
