ดาวโจนส์ปรับขึ้นกว่า 150 จุด คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด

NEW YORK CITY - September 3: Charging Bull sculpture with people on September 3, 2015 in New York City. The sculpture is both a popular tourist destination, as well as "one of the most iconic images of New York".

.นักลงทุนจับตาการประกาศผลการประชุมเฟด เช้าวันพฤหัสนี้
.ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดหาทิศทางเศรษฐกิจ
.นักวิเคราะห์ระบุว่า มีแนวโน้ม 52% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอย

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 30,858.46 จุด เพิ่มขึ้น 152.23 จุด หรือ +0.50% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,456.62 จุด เพิ่มขึ้น 31.57 จุด หรือ +0.28% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,874.26 จุด เพิ่มขึ้น 18.33 จุด หรือ +0.48%

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสม หลังมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินคืนนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่จับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังเสร็จสิ้นการประชุม ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งการเปิดเผย Dot Plot ของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราเงินเฟ้อ อัตราว่างงาน และการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ชะลอตัวลง จากที่สูงขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวตามคาด จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย.,ก.ค.,ก.ย.และพ.ย. ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะพุ่งแตะระดับ 4.50% ในช่วงสิ้นปีนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงกว่าระดับ 2.50% ซึ่งเป็นระดับอัตราดอกเบี้ยที่เฟดมองว่าเป็นกลาง

ผลการสำรวจของสำนักข่าว CNBC ระบุว่า นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงสุด และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไประยะหนึ่ง โดยเฟดจะใช้มาตรการดอกเบี้ยแบบ “ขึ้นแล้วคง” (hike and hold) แทนที่จะใช้มาตรการ “ขึ้นแล้วลง” (hike and cut) ตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

ผลการสำรวจระบุว่า นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ และเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนแตะระดับ 4.26% ในเดือนมี.ค.2566 โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นเวลาเกือบ 11 เดือน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของบรรดานักวิเคราะห์ที่คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือนไปจนถึง 2 ปี

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า มีแนวโน้ม 52% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า อันเนื่องจากการที่เฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์มองว่าเฟดต้องใช้เวลาอีกหลายปี ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย 2% โดยคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เมื่อเทียบรายปี จะอยู่ที่ระดับ 6.8% ในช่วงสิ้นปี 2565 และอยู่ที่ 3.6% ช่วงสิ้นปี 2566 ก่อนที่จะปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดในปี 2567