.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น หลังแนวโน้มไบเดนไม่มีแผนล็อกดาวน์ประเทศ
.ผลประกอบการบริษัททีออกมาดี ช่วยหนุนดัชนีตลาด
.ความคืบหน้าวัคซีนยังเป็นความหวังการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 13พ.ย.ที่ 29,479.81 จุด เพิ่มขึ้น 399.64 จุด หรือ +1.37%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,585.15 จุด เพิ่มขึ้น 48.14 จุด หรือ +1.36% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,829.29 จุด เพิ่มขึ้น 119.70 จุด หรือ +1.02%
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ บรรยากาศการซื้อขายหุ้นสหรัฐมีความผันผวนรุนแรง ตลาดปรับตัวขึ้นลงโดยถูกผลักดันระหว่างความหวังเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดปิดบวกได้ในวันทำการสุดท้าย จากตัวเลขผลประกอบการที่ดีขึ้นแม้หลายคนจะกังวลอาถรรพ์ศุกร์สิบสามก็ตาม
หุ้นซิสโก้ ซิสเตมส์ พุ่งขึ้น 7.06% และหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ บวก 2.16% หลังเปิดเผยผลประกอบการดีเกินคาด
นักวิเคราะห์จากสเตท สตรีท โกลบอล แอดไวเซอร์สระบุว่า “บรรยากาศการซื้อขายได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการผลิตวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้บรรดานักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง”
หุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นนำตลาด รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มพลังงาน, กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มเทคโนโลยี
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับแนวโน้มที่รัฐบาลของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าไม่มีแผนการที่จะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ทั่วสหรัฐเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย.
ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 77 ในเดือนพ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า ดัชนีจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 82 จากระดับ 81.8 ในเดือนต.ค
