ดาวโจนส์บวก36จุด ประธานเฟดกังวลเศรษฐกิจฟื้นช้า


.เฟดคงดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% คาดปีนี้สหรัฐขยายตัวติดลบน้อยลง หดตัวแค่3.7%
.นายพาวเวล ระบุเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นช้าและมีความเสี่ยงสูงในอนาคต
.นักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยี ส่งผลแนสแด็ก-เอสแอนด์พีติดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่16ก.ย.ที่ 28,032.38 จุด เพิ่มขึ้น 36.78 จุด หรือ +0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,050.47 จุด ลดลง 139.85 จุด หรือ -1.25% ดัชนี เอวแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,385.49 จุด ลดลง 15.71 จุด หรือ -0.46%

ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน โดยช่วงแรกได้รับแรงหนุนจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566 นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดยังมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 3.7% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 6.5% ทำให้ตลสดหุ้นอยู่ในแดนบวก

อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนที่สูงมาก ส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงอีกครั้ง

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า แม้ตัวเลขการจ้างงานเริ่มฟื้นตัวเนื่องจากประชาชนเริ่มกลับเข้าทำงาน แต่อัตราว่างงานที่ระดับ 8.4% ในเดือนส.ค.ยังถือว่าสูงมาก และคาดว่าอัตราว่างงานอาจจะสูงกว่าข้อมูลที่เจ้าหน้าที่รายงานอยู่ประมาณ 3% เมื่อพิจารณาจากอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน (labor force participation) ที่ปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันนายพาวเวลมองว่า การเพิ่มมาตรการสนับสนุนด้านการคลังยังคงจำเป็นต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหนักสุดถึง 1.56% โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 3.27% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.95% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.45% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.79% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.5% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ร่วงลง 2.47%

หุ้นอะโดบี อิงค์ ร่วงลง 4.4% แม้นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นอะโดบีขึ้นสู่ระดับ 550 ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.25% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 2.89% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.36% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 8.68%

หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.76% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่ระดับ 4.87 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกของปีงบการเงินบริษัท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.69 ดอลลาร์/หุ้น โดยเฟดเอ็กซ์ได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากอยู่แต่ในบ้าน และหันมาใช้บริการของทางบริษัท

หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากทางสายการบินเปิดเผยรายงานแนวโน้มด้านการเงิน ซึ่งรวมถึงอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (load factor) ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐปรับตัวดีขึ้น หุ้นไป่ตู้ พุ่งขึ้น 1.24% หุ้น Trip.com ปรับตัวขึ้น 1.14% ขณะที่หุ้น JD.com ร่วงลง 2.48% และหุ้นแซดทีโอ เอ็กซ์เพรส ปรับตัวลง 1.15%

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสะท้อนการหท้นตัวอย่างช้าๆ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากทะยานขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค.