ดาวโจนส์ทะยานกว่า 400 จุด คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คลอดเร็วๆนี้


.ฝ่ายค้าน -รัฐบาลส่งสัญญาณการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิตรอบใหม่คืบหน้า
.คาดการณ์จีดีพีไตรมาส 2 ครั้งที่ 3 ออกมาดีขึ้นกว่า คาดการณ์ก่อนหน้าเล็กน้อย
.การจ้างงานของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 749,000 ตำแหน่งเดือนก.ย. สูงกว่าห์คาด

เมื่อเวลา 22.20 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวผันผวน ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 27,862.15
จุด เพิ่มขึ้น 409.49 จุด หรือ +1.49% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,226.96 จุด เพิ่มขึ้น 141.71 จุด หรือ +1.28%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,375.87 จุด เพิ่มขึ้น 40.40 จุด หรือ +1.21%

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวน โดยในช่วงแรกดัชนีปรับลดลง หลังจากที่ผลสำรวจพบว่า นายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ในการดีเบตวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าหากนายไบเดนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เขาจะยกเลิกมาตรการปรับลดอัตราภาษีของปธน.ทรัมป์ ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 28% จากเดิมที่ปธน.ทรัมป์ปรับลดจาก 35% สู่ระดับ 21% ในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 31.4% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 2/2563 ดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจหดตัวลง 31.7% และดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจหดตัวลง 32.9%
โดยการหดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ได้ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 30% ในไตรมาส 3/2563 ขณะที่รัฐบาลกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นหลายล้านตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นจริงจะเป็นการทุบสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ที่ระดับ 16.7% ในไตรมาสแรกของปี 2493

อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง นักลงทุนซื้อหุ้นกในทุกกลุ่ม หลังสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะทำการเจรจาครั้งใหม่กับนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในวันนี้ เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายมนูชินกล่าวว่า เขามีความหวังว่าเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับนางเพโลซีในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

“เราจะใช้ความพยายามอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง และเรามีความหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จ ซึ่งผมคิดว่าเราจะประนีประนอมกันได้” นายมนูชินกล่าว
ทางด้านนางเพโลซีแสดงความหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงกับนายมนูชินเช่นกัน

นางเพโลซีระบุว่า พรรคเดโมแครตเสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ และทางพรรคก็มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสบรรลุข้อตกลงกันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย.

ด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 749,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 650,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนส.ค.สู่ระดับ 481,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ระดับ 428,000 ตำแหน่ง

ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 8.8% แตะระดับ 132.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 3.4%