ดาวโจนส์ดีดขึ้นกว่า 480 จุด รายงานเฟดออกมาตามความคาดหมาย

.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นต่อเนื่อง หลังการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้น
.รายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของเฟด ทิศทางดอกเบี้ยเป็นไปตามคาด
.ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,606.01 จุด เพิ่มขึ้น
485.73 จุดหรือ +1.51% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,690.27 จุด เพิ่มขึ้น 255.53 จุด หรือ +2.23% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,049.31 จุด เพิ่มขึ้น 70.58 จุด หรือ +1.77%

ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้น เป็นแรงหนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นวันนี้ โดยราคาหุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 15% หลังรายงานตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาสแรก ขณะที่ราคาหุ้นทวิตเตอร์ อิงค์กลับมาพุ่งขึ้น 4.25% ขานรับนายอีลอน มัสก์ ซึ่งแสดงความมุ่งมั่นที่จะซื้อกิจการทวิตเตอร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายมัสก์ได้ประกาศพักการเจรจาข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์ชั่วคราว โดยอ้างว่าต้องการตรวจสอบจำนวนบัญชีปลอมบนทวิตเตอร์

นอกจากนั้น การเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เมื่อวานนี้ โดยสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดยรายงานเฟดระบุว่า เฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. และอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี หากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลง ขณะที่เฟดแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอยช่วยให้ตลาดสบายใจมากขึ้น

ขณะที่ตัวเลขคนว่างงานที่ต่ำกว่าคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 215,000 ราย ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 35,000 ราย สู่ระดับ 1.35 ล้านราย แต่ใกล้เคียงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2512

อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -1.5% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัว -1.4% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวเพียง -1.3%