ดาวโจนส์ดีดขึ้นกว่า 400 จุด อัตราเงินเฟ้อสูง แต่ไม่ทุบสถิติสูงสุด

  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย.พุ่งขึ้น 8.3% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แต่ไม่สูงกว่าเดือนก่อนหน้า
  • มีแรงซื้อหุ้นที่ราคาดิ่งลงแรงในช่วงก่อนหน้ากลับ หลังตลาดคลายกังวลเงินเฟอ
  • หุ้นร่วงแรง 3 วันก่อนหน้า ทำมูลค่าตลาดของบริษ้ทกลุ่มเทคโนโลยีหายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลล์

เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,564.91 จุด เพิ่มขึ้น
404.17 จุด หรือ +1.26% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,795.49 จุด เพิ่มขึ้น 57.82 จุด หรือ +0.49% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,041.19 จุดเพิ่มขึ้น 40.14 จุด หรือ +1.00%

มีแรงช้อนซื้อหุ้นที่ราคาลดลงแรงในช่วงก่อนหน้ากลับเข้ามา หลังดัชนีดิ่งลงแรงตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา โดยแม้ว่า อัตราเงินเฟ้อ เม.ย.ยังคงพุ่งต่อเนื่อง และปรับสูงขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ไว้ที่ระดับ 8.1% อย่างไรก็ตาม ยังต่ำกว่าระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ขณะที่เทียบกับเดือนก่อนหน้า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% แต่ต่ำกว่าระดับ 1.2% ในเดือนมี.ค.

ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.0% แต่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4% และสูงกว่าระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 3% หลังการประกาศเงินเฟ้อ ขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม

ขณะเดียวกัน สำนักข่าว CNBC รายงานว่า มูลค่าตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐได้ทรุดตัวลงรวมมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 3 วัน

โดยการทรุดลงติดต่อกัน 3 วันในวันที่ 5-6 พ.ค. และวันที่ 9 พ.ค. เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย.เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้นายพาวเวลกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเฟดไม่ได้พิจารณาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขนาดนั้นก็ตาม

การดิ่งลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วง 3 วันดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐทรุดตัวลงรวมมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยบริษัทแอปเปิลมีมูลค่าตลาดลดลง 2.2 แสนล้านดอลลาร์, ไมโครซอฟท์ลดลง 1.89 แสนล้านดอลลาร์, เทสลาลดลง 1.99 แสนล้านดอลลาร์, แอมะซอนลดลง 1.73 แสนล้านดอลลาร์, อัลฟาเบทลดลง 1.23 แสนล้านดอลลาร์, Nvidia ลดลง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเมตา แพลตฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ลดลง 7 หมื่นล้านดอลลาร์