ดาวโจนส์ดีดขึ้นกว่า 200 จุด นักลงทุนคลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย

  • หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย
  • มีความหวังยุติสงครามการค้าหลัง 2 ฝ่ายมีท่าทีอ่อนลง

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวอยู่ที่ 25,795.48 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 216.09 ขุด หรือ +0.84%ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิส อยู่ที่ 7,860.24 จุด เพิ่มขึ้น 93.62 จุด หรือ +1.21% ส่วนดัชนีเอสแอนพี 500 อยู่ที่ 2,876.42 จุด เพิ่มขึ้น 28.82 จุด หรือ บวก 1%

นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หันกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับมาดีดตัวขึ้น หลังจากที่ตลาดพันธบัตรเกิดภาวะ inverted yield curve ในช่วงที่ผ่านมา ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมีท่าทีผ่อนคลายเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจีนต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ และเชื่อว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะเกิดขึ้นแค่ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น โดยเขามีกำหนดหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเร็วๆนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าเมื่อใด

ทั้งนี้ อีกปัจจัยที่นักลงทุนติดตาม คือ การกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันที่ 23 ส.ค.ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ขณะที่ หุ้น Nvidia Corp ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ พุ่งขึ้นหลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 16% จากระดับ 2.22 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยแล้วก่อนตลาดหุ้นเปิดทำการ ได้แก่ ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค. ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี การอนุญาตก่อสร้างพุ่งขึ้น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.191 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากระดับ 1.241 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เนื่องจากการก่อสร้างอพาร์ทเมนท์ปรับตัวลดลง ประกอบกับผลกระทบจากพายุโซนร้อนแบร์รีที่พัดถล่มรัฐหลุยเซียน่า เมื่อช่วงกลางเดือนก.ค.