ดาวโจนส์ดิ่งลงแรงกว่า 600 จุด กังวลโควิดระบาด-ล็อกดาวน์รอบ 2

.ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สหรัฐฯพุ่งแตะ 7 ล้านคน ทั่วโลกเกิน 31 ล้านคน
.ตลาดหวั่นล็อกดาวน์ระลอกใหม่ -มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าช้า
.นักลงทุนเทขายหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี-แบงก์-พลังงาน

เมื่อเวลา 21.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวดิ่งลงอย่างรุนแรง เนื่องจากตลาดกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ล่าช้า และการกลับมาล็อกดาวน์เศรษฐกิจ โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 26,976.60 จุด ลดลง 680.82 จุด หรือ -2.46% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,632.24 จุด ลดลง 161.04 จุด หรือ -1.49% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,260.51 จุด ติดลบ 58.96 จุดหรือ -1.78%

นักลงทุนกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยขณนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกรวมกัน มากกว่า 31 ล้านราย โดยสหรัฐเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกจำนวนกว่า 7 ล้านราย ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีการล็อกดาวน์ระลอกใหม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

ขณะที่นายแพทริก แวลแลนซ์ ที่ปรึกษารัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า ขณะนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก 7 วัน ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้อังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 50,000 รายต่อวันภายในกลางเดือนหน้า และจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายต่อวัน

นอกจากนี้ การเสียชีวิตของนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ ก็อาจกระทบต่อกระบวนการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะเสนอชื่อผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดแทนนางกินส์เบิร์กในวันศุกร์ หรือวันเสาร์นี้

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ รวมที้ง หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายอีกครั้ง เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มการเงินการธนาคาร หลังเอกสารของเครือข่ายสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินสหรัฐ (FinCen) ที่ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกได้ปล่อยให้มีการโยกย้ายเงินผิดกฎหมายจำนวนมากนานเกือบ 20 ปี โดยมีการโอนเงินมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2542-2560 ทั้งนี้ เอกสารยังระบุชื่อของธนาคารเอชเอสบีซี, เจพีมอร์แกน เชส, ดอยซ์แบงก์, สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน หลายครั้ง

ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 2% ใกล้หลุดระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในตลาด