ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 300 จุด กังวลโควิดเดลตาทุบเศรษฐกิจ-ค้าปลีกร่วง

.ตลาดกังวลยอดค้าปลีกดิ่งหนักลดลง 1.1% ในเดือนก.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
.นักลงทุนเทขายหุ้น หวั่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา กระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
.จับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้

เมื่อเวลา 22.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,317.58 จุด ลดลงแรง 307.82 จุด หรือ -0.86% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,665.72 จุด ลดลง 128.04 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,451.52 จุด ลดลง 28.19 จุด หรือ -0.63%

นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรและลดความเสี่ยง หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อเนื่องมา 5 วันทำการ ขณะที่กังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่เริ่มมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น

โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.1% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3%
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับทบทวนยอดค้าปลีกในเดือนมิ.ย.เป็นเพิ่มขึ้น 0.7% จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.6%

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนก.ค. โดยรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมทั้งการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดอายุลง ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ดิ่งลง 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตก หลังสหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนส.ค. โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 5 จุด สู่ระดับ 75 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563 โดยมีสาเหตุจากสต็อกบ้านที่มีจำกัด การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง

ขณะที่ โฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า ลูกค้าที่เดินทางเข้าร้านเพื่อซื้อสินค้าประเภท DIY หรือ do-it-yourself มีจำนวนลดลงถึง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคหุ้นร่วงลง

ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนหน้า และจะเริ่มทำการปรับลด QE ในเดือนต.ค.โดยจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว