ดาวโจนส์กลับมาแล้ว ปิดพุ่งกว่า 1,173 จุด พอใจ “โจ ไบเดน” จ่อเป็นคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ

  • ตลาดชอบนโยบายที่เป็นกลางของนายไบเดนมากกกว่าผู้สมัครเดโมแคตแครตคนอื่น
  • นักลงทุนมีหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นหลังมีข่าวเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยเข้าสู่ 0% อีกรอบ
  • หุ้นเขียวพุ่งขึ้นยกกระดานนำโดยกลุ่มธุรกิจสุขภาพ

ตลาดหุ้นสหรัฐมีแรงซื้อกลับมาอีกครั้งขานรับความพยายามของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ธนาคารโลกและธนาคารกลางทั่วโลกที่จะใช้มาตรการแรงขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ย 0% หรือติดลบหากมีความจำเป็น

รวมทั้งยังได้แรงบวกจากความพอใจ ที่นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะในศึกซูเปอร์ ทิวส์เดย์” ซึ่งเป็นการเลือกตั้งแบบไพรมารีของพรรคเดโมแครต เพื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือน ..นี้มากกว่า ผู้สมัครของเดโมแครตคนอื่นๆ เพราะชอบนโยบายที่เป็นกลางของนายไบเดน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์กลับมาบวกได้อีกครั้ง โดยปิดตลาดวันที่ 4มี..ที่ 27,090.86 จุด พุ่งขึ้น 1,173.45 จุดหรือ +4.53% ดัชนีเอสแอนด์พร 500 ปิดที่ 3,130.12 จุด เพิ่มขึ้น 126.75 จุด หรือ +4.22% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส  ปิดที่ ปิดที่ 9,018.09 จุด เพิ่มขึ้น 334.00 จุด หรือ +3.85%

หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมองว่า นายไบเดนอาจนำกฎหมายประกันสุขภาพ“Affordable Care Act” หรือที่รู้จักกันในนาม “โอบามาแคร์” กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านสุขภาพและประกันสุขภาพ ต่างจากนโยบาย “Medicare For All” ของนายแซนเดอร์ส ผู้สมัครอีกคนซึ่งเป็นระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงแผนการลดราคายาและเวชภัณฑ์

 หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 10.7% หุ้นเมดโทรนิค ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ พุ่งขึ้น 3.17% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.02% หุ้นซิกนา คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพ พุ่งขึ้น 10.72 หุ้นเซนเทเน คอร์ป ทะยานขึ้น 15.6% และหุ้นโมลินา เฮลธ์แคร์ พุ่งขึ้น 16.4%

หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้นขานรับข่าวดังกล่าวเช่นกัน โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 6.25% ไมแลน เอ็นวี ผู้ผลิตยา EpiPen ซึ่งใช้รักษาอาการแพ้ขั้นรุนแรง พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นบริสตอลไมเยอร์ส สควิบบ์ พุ่งขึ้น 3.8% หุ้น Abbvie พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทะยานขึ้น 5.8% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น

ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินกลับมาเพิ่มขึ้น หลังลดลงแรงจากการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 2.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ บวก 1.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.1%

หุ้นเอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มดำเนินตั้งแต่เดือนเม..นี้

ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ออกมาดีเช่นกัน ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.3 ในเดือนก.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก..ปีที่แล้ว จากระดับ 55.5 ในเดือนม..

ขณะที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนก.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 155,000 ตำแหน่ง