ดาวโจนส์กลับมายืนบวกได้เฉียด 200 จุด จับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ย

.นักลงทุนคลายกังวล หันมาช้อนซื้อหุ้น มองเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาดการณ์
.นักวิเคราะห์ระบุ หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ครั้งนี้มีโอกาสสกัดเงินเฟ้อพุ่งได้
.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด อยู่ที่ 67 ในเดือนมิ.ย. ต่ำสุดในรอบ 2 ปี

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 30,562.43 จุด เพิ่มขึ้น
197.60 จุด หรือ +0.65% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,959.82 จุด เพิ่มขึ้น 131.47 จุด หรือ +1.21% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,764.34 จุด เพิ่มขึ้น 28.86 จุด หรือ +0.77%

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐยังคงผันผวน แม้ดัชนีจะสามารถกลับมายืนในแดนบวก นักลงทุนจับตาการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเช้าของวันพฤหัส ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามคาดการณ์​จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้นว่าจะสามารถจัดการเงินเฟ้อได้

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนเข้าใกล้ระดับ 4% ในปี 2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.75-1.00%

นายเจเรมี ซีเกล ศาสตราจารย์ด้านการเงินของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย กล่าวว่า “เฟดจำเป็นต้องจัดการกับเงินเฟ้อ โดยเฟดรู้ดีว่ากำลังแก้ไขปัญหาสายเกินไป คุณจำเป็นต้องกินยาเพื่อให้หายโรค ถ้าคุณไม่กินตอนนี้ วันหลังคุณก็ต้องกินยาแรงขึ้นอีก” นายซีเกลกล่าวในรายการ “Squawk Box Asia” ของสำนักข่าว CNBC

นายซีเกลกล่าวว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด สามารถอ้างความชอบธรรมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในวันนี้ว่าเป็นการรวมคาดการณ์เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนนี้และ 0.50% ในเดือนหน้าเข้าด้วยกัน

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย.
โดย ดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -1.2 ในเดือนมิ.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

ด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด สู่ระดับ 67 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยมีสาเหตุจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และต้นทุนในการก่อสร้าง ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในปัจจุบันต่างปรับตัวลง