ส.อ.ท.กังวลใจโฉมหน้าครม.ใหม่ไม่ใช่มืออาชีพไม่มีความชำนาญ

  • หวั่นคนที่มาเป็นครม.ไม่มีความชำนาญในหน้าที่ที่รับผิดชอบ
  • ขอคนที่เข้ามาทำงานมีตั้งใจจริงจังเห็นผลงานใน6เดือน
  • ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเพ่ิมเดือนพ.ค.เพิ่มขั้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 95.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 95.0 เนื่องจากแรงส่งการบริโภคในประเทศ เห็นได้จากการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในช่วงเปิดภาคเรียนในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า การพิมพ์ เยื่อและกระดาษขณะเดียวกันโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐยังส่งผลดีต่อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ขณะที่ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขยายตัว เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังอยู่ในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการชะลอตัวของภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาท

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 102.9 จากเดือดก่อนคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 101.9 เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่าเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการค้าและการลงทุนของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562

“การประเมินการทำงานของรัฐบาลจะมีผลต่อเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด  ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นหน้าตาหรือตัวบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประจำกระทรวงต่างๆ ที่ชัดเจน แต่สิ่งสำคัญขอให้คนที่เข้ามาทำงานมีความตั้งใจจริงจังและมีความชำนาญในหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบ ถ้าไม่ชำนาญก็ขอให้มีทีมงานเข้ามาช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ให้เห็นผลภายใน 6 เดือนด้วยความโปร่งใส พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของภาคเอกชนเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกัน”

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.กล่าว ว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมามีจำนวนรวม 88,097 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.7% และเพิ่มขึ้นจาก เม.ย. ที่ผ่านมา 2.4%ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายรถยนต์ 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. ) อยู่ที่ 437,722 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.1% โดยยอดขายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงเติบโต โดยเฉพาะการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยชองรัฐบาล การลงทุนจากรัฐและเอกชน

ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน พ.ค. มีจำนวนรวม 95,331 คันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.58% ซึ่งเป็นการส่งออกที่ ลดลงทุกตลาดทั่วโลก เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดยุโรป และอเมริกาเหนือ ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. ) สามารถ ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 462,286 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี ที่ผ่านมา จำนวน 0.94%