ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงต่ออีก 280 จุด ผิด หวังทรัมป์ยื้อเจรจายุติสงครามการค้ากับจีน

  • ทรัมป์แบไต๋รอได้กลับมาสมัย2ค่อยทำข้อตกลงการค้ากับจีน
  • ทางการสหรัฐฯ ระบุการขึ้นภาษีจีนรอบใหม่ 15ธ.ค.นี้จะเดินหน้าต่อไป
  • นักลงทุนกังวลสงครามการค้าทำเศรษฐกิจโลกพัง

ัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 3ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ 27,502.81 จุด ร่วงลง 280.23 จุด หรือ -1.01% หลังจากในช่วงเปิดตลาดดัชนีร่วงลงไปกว่า 400 จุด ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,093.20 จุด ลดลง 20.67 จุด หรือ -0.66%ดีดตัวขึ้นจากช่วงเปิดตลาดเช่นกีน ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ปิดที่ 8,520.64 จุด ลดลง 47.34 จุด หรือ -0.55% จากช่วงเปิดตลาดที่ดิ่งลงกว่า 100 จุด

นักลงทุนผิดหวังคำกล่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ว่า อาจจะเป็นการดีกว่าที่จะรอจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้าก่อน ค่อยตัดสินใจเรื่องการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน พร้อมกับกล่าวว่า เขาไม่มีกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงการค้า

โดยตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐยืนยันว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ตามกำหนด นอกเสียจากว่าการเจรจาจะมีความคืบหน้า

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เวดบุช ในเมืองซานฟรานซิสโก กล่าวว่า กรณีดังกล่าวและ การที่สหรัฐเปิดศึกการค้ากับอีกหลายประเทศรวมถึงฝรั่งเศส อาร์เจนตินา และบราซิล จนทำให้ยุโรปประกาศพร้อมที่จะใช้มาตรการทางการค้าตอบโต้ ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกในช่วงต่อไป ซึ่งกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้น

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทผลิตชิป ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อประเด็นการค้าร่วงลงทันที โดยหุ้นอินเทล ร่วงลง 2.76% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 2.5% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.78% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 0.65% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.94% หุ้น Nvidia ลดลง 0.7% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปดิ่งลง 1.5% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ปีนี้

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นอีกกลุ่มที่มีความอ่อนไหวของข้อพิพาทการค้าเช่นกัน โดยหุ้น 3M ร่วงลง 1.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.03% หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 1.02% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลง 1.5% หุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.87% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวลง 0.8%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทั้งประเภทอายุ 10 ปีและ 30 ปี ร่วงลง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.5% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 1.9% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.98% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 1.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.76%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.35% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.7%หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.8% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.7%

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยออกมาไม่ได้ซ้ำเติมความกังวลของตลาดมากนัก สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนพ.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน