ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 345จุด เฟดส่งสัญญาณเงินเฟ้อพุ่ง

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • นักลงทุนผิดหวัง”เจอโรม พาวเวล”ไม่เร่งแก้ไขความผันผวนตลาดเงิน
  • ตลาดวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย หบังเตือนว่าสหรัฐอาจเผชิญเงินเฟ้อหลังเปิดเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 4 มี.ค.ที่ 30,924.14 จุด ปรับลดลง 345.95 จุด หรือ -1.11% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,768.47 จุด ลดลง 51.25 จุด หรือ -1.34% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,723.47 จุด ร่วงลง 274.28 จุด หรือ -2.11%

ถ้อยแถลของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ที่กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อเริ่มดีดตัวขึ้น หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รวมทั้งการแสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดพันธบัตรและภาวะตึงตัวด้านการเงินที่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของเฟด ทำให้นักลงทุนกังวลแนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตาม นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการควบคุมความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดพันธบัตร ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงพุ่งขึ้นและอยู่เหนือระดับ 1.5% เมื่อคืนนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจเผชิญเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการชำระหนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 5.36% หุ้นอินเทล ร่วงลง 2.92% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 3.39% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.58% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.81%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 4% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.87% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.88% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.65% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.33%

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจทีออกมาดีแสดงถึงการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.6% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.1% โดยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 745,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 750,000 ราย

นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย