- ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวแคบๆ ท่ามกลางแรงซื้อและแรงขายของนักลงทุน
- ตลาดหุ้นติดตามทิศทางเงินเฟ้อ และแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- นักลงทุนจับตาผลประกอบการบริษัท หลังการประกาศผลประกอบการกลุ่มธนาคารไม่สวยหรู
เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,440.34 จุด เพิ่มขึ้น
64.85 จุด หรือ +0.20% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,237.44 จุด เพิ่มขึ้น 97.01 จุด หรือ +0.87%ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,988.60 จุด บวก 15.99 จุด หรือ +0.40%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวแคบทั้งในแดนบวกและแดนลบ นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของเฟด
อย่างไรก็ดี นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินนัดแรกของเฟดในปีนี้ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐต่างบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 76.7%
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการขุดเจาะน้ำมัน เปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2565 โดยได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ การขาดแคลนแรงงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 5.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ขณะที่มีกำไร 38 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 40 เซนต์/หุ้น
%%%%
