ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 500 จุด ดีใจสหรัฐฯเลื่อนเก็บภาษีจีน

  • สหรัฐฯประกาศเลื่อนเก็บภาษีสินค้าจีนหลายรายการไป 15 ธ.ค.
  • โทรศัพท์มือถือ แล็บทอป วีดิโอเกม ของเล่น รองเท้า เสื้อผ้าได้เฮ
  • ดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งดันตลาดหุ้นสหรัฐฯเขียวยกแผง

ณ เวลาประมาณ 21.40 น.ดัชนีดาวโจนส์ เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นแรงหลังจากมีข่าวดีเกี่ยวกับการเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าจากจีนไปในช่วงเดือน ธ.ค.อยู่ที่ระดับ 26,403.90 จุด เพิ่มขึ้น 506.19 จุด หรือ+1.95% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิส เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,040.13 จุด เพิ่มขึ้น 176.72 จุด หรือ+2.25% ด้านดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,935.08
จุด เพิ่มขึ้น 51.99 จุด บวกเพิ่มขึ้น +1.80%

โดยสำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ ประกาศที่จะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนในหลายรายการสินค้า ไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค.โดยสินค้าดังกล่าว รวมโทรศัพท์มือถือ แล็บทอป วีดิโอเกม ของเล่น รองเท้าและเสื้อผ้า ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยี ปรับขึ้น โดยหุ้นแอปเปิ้ลปรับเพิ่มขึ้นถึง 5% ขณะที่หุ้น Nvidia และ Intel ปรับเพิ่มขึ้น 3% ขณะที่หุ้นไนกี้ปรับเพิ่มขึ้น 3%

ทั้งนี้ การประกาศถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ โดยระบุถึงปัจจัยด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10%

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นคาเธ่ย์ แปซิฟิกดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีโดยถูกกระทบจากความกังวลที่ว่า จีนอาจจะออกมาตรการกดดันคาเธ่ย์ แปซิฟิกต่อไป เพื่อให้พนักงานของบริษัทหลีกเลี่ยงจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง

โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานการบินพาณิชย์ของจีนได้เรียกร้องให้คาเธ่ย์ แปซิฟิกสั่งพักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลฮ่องกง โดยมิให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวปฏิบัติงานในเที่ยวบินเข้าสู่จีน

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ติดต่อกัน 2 เดือน โดยการดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI ทั่วไปได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย.

ขณะเดียวกัน สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ 104.7 ในเดือน ก.ค. โดยเจ้าของกิจการจำนวนมากมีความมั่นใจต่อยอดขาย, ภาวะเศรษฐกิจ และการขยายธุรกิจในอนาคต