ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งแรง 641 จุด นักลงทุนซื้อหุ้นกลับหลังตลาดดิ่งแรง

  • ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มซึมซับปัจจัยลบดอกเบี้ย-เศรษฐกิจถดถอย
  • มีแรงซื้อกลับนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นเติบโต
  • นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 21 มิ.ย.ที่ 30,530.25 จุด พุ่งขึ้นแรง 641.47 จุด หรือ +2.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,764.79 จุด เพิ่มขึ้น 89.95 จุด หรือ +2.45% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 11,069.30 จุด พุ่งขึ้น 270.95 จุด หรือ + 2.51%

นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นเป็นวงกว้างหลังจากตลาดดิ่งลงอย่างหนักในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดได้ซึมซับปัจจัยลบจากกรณีที่คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีนโยบายจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วระดับหนึ่ง

มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่มีทุนจดทะเบียนสูง เช่นหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างแอปเปิลและไมโครซอฟท์ท

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 5.14% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัว โดยหุ้นไดมอนแบ็ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 8.17% หุ้นชลัมเบอร์เจอร์ พุ่งขึ้น 6.01% หุ้นฟิลลิปส์ 66 ดีดตัวขึ้น 6.04% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 5.87% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 4.22% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 6.22%

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.32% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.46% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 3.28% หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 9.35% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4.11%

หุ้นบริษัทผลิตชิปดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 4.32% หุ้นเคแอลเอ พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ พุ่งขึ้น 2.72% หุ้นอินเทล ดีดขึ้น 2.06%

นักลงทุนจับตาการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพุธที่ 22 มิ.ย. และจากนั้นจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย.ของ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยล่าสุดทีมนักวิเคราะห์ของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ เตือนว่าขณะนี้มีโอกาส 30% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 15% โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผลกระทบของการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 3.4% สู่ระดับ 5.41 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง