ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 373จุด ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

.นักลงทุนซื้อหุ้นเก็งกำไร หลังตัวเลขการจ้างงานและภาคบริการที่แข็งแกร่ง
.ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำนิวไฮเช่นกัน
.ตลาดจับตารายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนมี.ค

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 5เม.ย.ทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ 33,527.19 จุด เพิ่มขึ้น 373.98 จุด หรือ +1.13%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดระดับสูงสุดเช่นกัน ที่ 4,077.91 จุด หลังจากเพิ่มขึ้น 58.04 จุด หรือ +1.44% ขณะที้ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,705.59 จุด เพิ่มขึ้น 225.49 จุด หรือ +1.67%

ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ พุ่งขึ้น 916,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2563 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 647,000 ตำแหน่ง

ขณะที่อัตราการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 6.0% ในเดือนมี.ค. จาก 6.2% ในเดือนก.พ.

นอกจากนั้น สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 63.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 55.3 ในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 59.0 โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ ความคืบหน้าล่าสุดในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง มีข้อมูลบ่งชี้ว่า สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนเฉลี่ยมากกว่า 3 ล้านคน/วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างงานจำนวนหลายล้านตำแหน่งและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทีรปรับตัวลดลง

หุ้นเทสลาปรับตัวขึ้น 4.43% หลังจากที่มีการเปิดเผยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดย Refinitiv เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า บริษัทเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 184,800 คันในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการที่ 177,822 คัน และยังทำลายสถิติเดิมที่ส่งมอบ 180,570 คันในไตรมาส 4/2563

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนมี.ค. ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 16-17 มี.ค. และส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566