ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 99 จุด นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลับหลังทรุดระหว่าง วัน 1,000 จุด

.ตลาดจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 25.-26 ม.ค.นี้
.มีแรงขายหุ้นออกมา คาดเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด -วิตกความตึงเครียดในยูเครน
.นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นช่วงท้ายตลาด หลังดัชนีร่วงกว่า 1,000 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24 ม.ค.ที่ 34,364.50 จุด เพิ่มขึ้น 99.13 จุด หรือ +0.29%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,410.13 จุด เพิ่มขึ้น 12.19 จุด หรือ +0.28% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,855.13 จุด เพิ่มขึ้น 86.21 จุด หรือ + 0.63%


ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนรุนแรง โดยดัชนีทรุดตัวลงอย่างหนักในระหว่างวัน โดยเฉพาะดาวโจนส์ท่ดิ่งลงกว่า 1,000 จุด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวกลับขึ้นมาปิดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อในช่วงท้ายตลาด หลังราคาหุ้นลดลงแรงเกินไป


มาร์โค โคลาโนวิค นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนได้แสดงความเห็นว่า “การทรุดตัวของสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงที่ผ่านมานั้นอาจจะยุติลงแล้ว เมื่อพิจารณาจากสัญญาณบ่งชี้ทางเทคนิคที่ระบุว่าตลาดได้เข้าสู่เขต “Oversold” และบรรยากาศการซื้อขายสู่ภาวะหมี (Bear Market) ซึ่งหมายความว่าเราอาจจะอยู่ในช่วงท้ายของการปรับฐาน (Correction)


นักวิเคราะห์ยังกล่าวด้วยว่า แรงเทขายอาจจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เมื่อดูจากดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นแตะระดับ 38.47 เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563 ทั้งนี้ หากดัชนีความผันผวนพุ่งขึ้นทะลุระดับ 38 แล้ว ตลาดก็มีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้น

โดยในระหว่างวันนั้น หุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ แต่ในช่วงปิดตลาด มีหุ้น 3 กลุ่มที่ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค


นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังมีรายงานว่าสหรัฐและอังกฤษได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทูตรวมทั้งครอบครัวเร่งอพยพออกจากยูเครน ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศเสริมกำลังทหารทั้งทางบก ทะเล และทางอากาศตามพรมแดนฝั่งตะวันออก เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่รัสเซียอาจทำการโจมตียูเครนในไม่ช้า


ทางด้านรัสเซียตรึงกำลังทหารเกือบ 100,000 นายประชิดชายแดนยูเครน ขณะที่การเจรจาระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกยังคงไม่มีความคืบหน้า


นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธที่ 26 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันของพฤหัสบดีที่ 27 ม.ค.ตามเวลาไทย ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์


ด้านไอเอชเอส มาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 57.0 ในเดือนธ.ค.