ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 254 จุด มีแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี-คาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น คาดการณ์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
  • มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งอ่อนไหวต่อการขึ้นดอกเบี้ย และมีข่าวดีเฉพาะตัว
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนขนาใดหญ่ในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 23 ม.ค. ที่ 33,629.56 จุด พุ่งขึ้น 254.07 จุด หรือ +0.76%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,019.81 จุด เพิ่มขึ้น 47.20 จุด หรือ +1.19% ขณะที่ัดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,364.41 จุด พุ่งขึ้น 223.98 จุด หรือ +2.01%

มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.3% โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 0.98% หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 2.35% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.81% หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอินเทล ทะยานขึ้น 3.59% หุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 7.59% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 5.75% หุ้นควอลคอม พุ่งขึ้น 6.62%

หุ้นสปอติฟาย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งดนตรีของสวีเดน พุ่งขึ้น 2.07% หลังบริษัทประกาศปลดพนักงานจำนวน 6% หรือราว 600 คน โดยสปอติฟายปรับลดพนักงานเช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ เนื่องจากผลกระทบของการทรุดตัวของรายได้จากการโฆษณา รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ

หุ้นเซลส์ฟอร์ซ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์ พุ่งขึ้น 3.1% ขานรับรายงานข่าวที่ว่าบริษัทเอลเลียต แมเนจเมนท์ เข้าซื้อหุ้นในเซลส์ฟอร์ซ์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งออกมาต่ำกว่าคาด โดยหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการขุดเจาะน้ำมัน ร่วงลง 1.54% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 ที่ระดับ 38 เซนต์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 40 เซนต์ เนื่องจากผลกระทบของเงินเฟ้อ การขาดแคลนแรงงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์, เทสลา, โบอิ้ง, 3M, ยูเนียน แปซิฟิก คอร์ป และนอร์ธรอป กรัมแมน

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ในวันพฤหัสบดีนี้ และการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์

%%%%