ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 103 จุด แรงแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหนุน

  • หุ้นทวิตเตอร์ทะยานขึ้นกว่า 27% หนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่ง
  • นักลงทุนยังคงวิตกติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน
  • ตลาดหุ้นติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเกิดภาวะ inverted yield curve อีกรอ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 4 เม.ย. ที่ 34,921.88 จุด เพิ่มขึ้น 103.61 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,582.64 จุด เพิ่มขึ้น 36.78 จุด หรือ +0.81% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,532.55 จุด เพิ่มขึ้น 271.05 จุด หรือ +1.90%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.91% นำโดยหุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 27.13% หลังข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลา ได้ถือครองหุ้นในทวิตเตอร์จำนวน 73,486,938 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ส่งผลให้นายมัสก์กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของทวิตเตอร์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกบริษัท

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 5.61% หลังเทสลารายงานว่า ยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 1/2565 โดยอยู่ที่ 310,048 คัน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 308,836 คัน

กลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.37% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 4.02% หุ้นแอมะซอน ปรับตัวขึ้น 2.93% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.83% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 2.01%

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 6.62% หุ้น JD.com ทะยานขึ้น 7.69% อย่างไรก็ตาม หุ้นสตาร์บัคส์ ร่วงลง 3.72% หลังจากผู้บริหารของสตาร์บัคส์ประกาศระงับแผนการซื้อหุ้นคืน

บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กองทัพรัสเซียได้สังหารโหดพลเรือนยูเครนในเมืองบูชา (Bucha) ใกล้กับกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครนนั้น ได้ทำให้การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความยากลำบากมากขึ้น

รวมทั้งการเกิดภาวะ inverted yield curve อีกครั้งในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ในวันพุธ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งอาจจะแสดงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบ และการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการใช้จ่ายในภาคบริการ