ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 237จุด ลดกังวลเศรษฐกิจถดถอย

  • ขานรับเฟดรายงานภาวะเศรษฐกิจขยายตัวปานกลาง
  • สถานการณ์ในฮ่องกงที่เริ่มคลายความตึงเครียด
  • ดัชนีภาคบริการจีนขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมาปิดที่ 26,355.47 จุด พุ่งขึ้น 237.45 จุด หรือ +0.91% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดดที่ 2,937.78 จุด เพิ่มขึ้น 31.51 จุด หรือ +1.08% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,976.88 จุด เพิ่มขึ้น 102.72 จุด หรือ +1.30%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯคลายกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากผลสำรวจของมาร์กิตและไฉซินระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 52.1 จากระดับ 51.6 ในเดือนก.ค. โดยภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางปัญหาสงครามการค้า

ขณะที่ฝั่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)เปิดเผยรายงานเครื่องชี้ภาวะเศรษบกิจหรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจใน 8 เขตจากทั้งหมด 12 เขตมีการขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลาง เนื่องจากภาคธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะใกล้นี้ และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าก็ตาม

ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนในเดือนส.ค. หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีในเดือนก.ค.

นอกจากนั้น สถานการณ์ในฮ่องกงที่เริ่มคลายความตึงเครียด หลังจากนางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้ประกาศถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวได้จุดชนวนทำให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ และออกมาชุมนุมประท้วงตามท้องถนนเป็นเวลาหลายเดือน เนื่องจากมองว่าร่างกฎหมายนี้จะเปิดทางให้มีการส่งตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย หรือผู้ที่รัฐบาลจีนมองว่าเป็นศัตรูทางการเมืองไปยังจีน

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 4% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา