“ญนน์” เปิดยุทธศาสตร์นำกลุ่มเซ็นทรัลรับมือวิกฤตปิดห้าง กรณีเลวร้ายสุดบริหารเงินสดอยู่ได้นาน 1 ปี พร้อมบริหารให้เสียหายน้อยที่สุด

“ญนน์” เปิดยุทธศาสตร์นำกลุ่มเซ็นทรัลรับมือวิกฤตปิดห้าง กรณีเลวร้ายสุดบริหารเงินสดอยู่ได้นาน 1 ปี พร้อมบริหารให้เสียหายน้อยที่สุด

  • วางแผนระยะสั้นบริหารให้อยู่รอด อยู่ให้เข้มแช็ง พร้อมเข้าสู่โลกใหม่ new normal เตรียมการไว้หมดแล้ว
  • แม้จะปิดห้างแต่ Ommi Channel ช่วยดึงยอดขายจากศูนย์เป็น 25-30%

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัล รีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ที่จะต้องรับมือในสถานการณ์แพร่ระบาดในขณนี้คือการบริหารกระแสเงินสดให้ “แคชโฟลว์” มีประสิทธิภาพ โดยกรณีที่แย่ที่สุดคือสามารถบริหารได้นานถึง 1 ปี รวมทั้งการจัดการในระยะสั้นเพื่อให้ธุรกิจได้รับความเสียหายให้น้อยที่สุด

นับตั้งแต่มาตรการปิดห้างเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ธุรกิจของซีอาร์ซีจำเป็นต้องปิดตัวหมด ยกเว้นธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสะดวกซื้อ โดยธุรกิจที่ปิดตัวลงยอดขายเท่ากับศูนย์ แต่นับว่ายังมีกลยุทธ์ “Omni Channe” เครื่องมือติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้หลากหลายช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์เชื่อมต่อเข้าหากันทำรายได้ขึ้นมาในสัดส่วน 25-30% ของยอดขายปกติ นับเป็นตัวเลขที่น่าพอใจมาก

ทั้งนี้ยอดขายด้านออนไลน์ของซีอาร์ซีที่ผ่านมาเดือนธันวาคม ปี 18  ยอดขายออนไลน์คิดเป็น 1% ของยอดขายทั้งหมด พอเดือนธันวาคม ปี 19 ยอดขายออนไลน์คิดเป็น 5% และสิ้นปี 2020 เราตั้งเป้าว่ายอดขายออนไลน์จะคิดเป็น 10% ของยอดขายทั้งหมด แต่ด้วยเหตุการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ที่คิดเป็น 10% น่าจะบรรลุเป้าหมายได้ก่อนสิ้นปี นี้ 

สำหรับ Top ซูเปอร์มาร์เก็ต การเร่งเครื่องในการปรับเปลี่ยน Offline store ให้มาเป็น Omnichannel store จาก 10 สาขา มาเป็น 62 สาขา และจะเพิ่มต่อไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยวิกฤตโควิด-19 ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 300-400% จนบริการรอคิวการจัดส่งนานถึง 5 วัน แต่ปัจจุบันได้รับการแก้ไขแล้ว

“การขายอาหารสดผ่านออนไลน์ของ Tops จากเดิมมีส่วนแบ่งแค่ 1% และคิดว่าต้องใช้เวลานานที่จะเพิ่มส่วนแบ่งใน category นี้ แต่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งเป็น 3-4% โตขึ้นถึง 3 เท่า แสดงให้เห็นว่ากลุ่มอาหารสดโตทางออนไลน์อย่างรวดเร็ว (fast-forward growth)” นายญนน์ กล่าว

นายญนน์ กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตนมองว่าจะเป็นบทพิสูจน์ผู้นำธุรกิจจะสามารถต่อสู้กับวิกฤตได้อย่างไร และเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่โลกใหม่ทันทีหลังจากวิกฤตการณ์ 

วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า new normal หรือความปกติเกิดขึ้นในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการทำธุรกิจในช่วงต่อไป new normal ที่ได้จัดเตรียมการไว้ก็คือ 1.social diatancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ต้องรีวิวใหม่หมด การจัดการภายในห้างจะต้องไม่อยู่ในที่แน่นหนาในจุกเดียว การจัดพื้นที่ในร้านอาหาร การจัดระเบียบการใช้ลิฟท์​ บันไดเลื่อน หรือแม้แต่การจัดรายการโปรโมชั่นที่เรียกคนเข้าห้างครั้งละมากๆ จะต้องมีการทบทวน 

2. ระบบการชำระเงินแบบคอนแทคเลส ระบบ อีเพย์เมนท์จะเริ่มมีความสำคัญ ผู้บริโภคไม่อยากหยิบเงินสดใช้กัน 3. ช้อปปิ้งออนไลน์จะโตแบบก้าวกระโดด 4.ฟู้ดเดลิเวอรี่จะยิ่งมีความสำคัญ สิ่งเหล่านี้ทางซีอาร์ซีได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว 

“กลยุทธ์ของเรามองเป็นสองช่วงคือช่วงสั้นเราจะอยู่รอดได้อย่างไรภายใต้สถานการณ์นี้ พออยู่รอดแล้วจะแข็งแรงอย่างไร และกำหนดการเข้าสู่โลกแห่ง new normal เราเตรียมไว้หมดแล้ว และการเป็น Center of life จุดศูนย์กลางของคนทุกคนที่เข้าใข้ชีวิตในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องรีบทำตอนนี้ หากใครยังไม่ปรับตัวเกรงว่าต่อไปคงจะตามไม่ทัน” 

ด้านการลงทุน ยังลงทุนต่อเนื่อง สำหรับการลงทุนในสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของธุรกิจเรา  future growth เช่น Technology, พัฒนาทักษะบุคลากร  และ omnichannel platform นอกจากนี้เรายังมีการขยายสาขาในประเทศไทย เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ มอลล์ บ่อวิน และ GO เวียดนาม คล้ายคลึงกับโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ มอลล์ในประเทศไทย) แต่ได้ชะลอการลงทุนในบางอย่างที่ยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้