ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทไตรมาส 2 กําไรสุทธิ 4,795 ล้านบาท เติบโตร้อยละ0.3

ซีพีออลล์ไตรมาส2/62
  • แม็คโครและ 7/11 สาขาใหม่หนุนรายได้ไตามาส 2 เติบโต
  • พร้อมเดินหน้าโครงการ “ลดวันละถุง…คุณทำได้ เฟส 2”

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 143,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 10.6 โดยปัจจัยหลักที่ทําให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น มาจากรายได้การขายสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้นจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อรวมถึงธุรกิจศูนย์จําหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชําระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ “สยามแม็คโคร” ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทและบริษัทย่อยในการนําเสนอสินค้าและบริการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม

รวมถึงการขยายสาขา เพื่อรองรับกับการพัฒนาวิถีการดําเนินชีวิตของลูกค้า และให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างสะดวกในไตรมาส2/2562 ทางกลุ่มบริษัทรับรู้การประมาณการหนี้สินผลประโยชน์เมื่อเกษียณอายุและต้นทุนบริการในอดีตเพิ่มขึ้น 809 ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับปรับปรุง หากแยกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ออก กำไรจากการดำเนินงานปกติของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตในระดับที่สูงและต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา

สำหรับผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องของบริษัท มาจากวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของซีพี ออลล์ ในฐานะองค์กรหนึ่งของสังคมและชุมชน ที่ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมาโดยตลอด โดยในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซีพี ออลล์ ได้มอบเงินในโครงการ “ลดวันละถุง…คุณทำได้” จากการเชิญชวนให้ผู้ซื้อสินค้าและบริการที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติก เพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน 20 สตางค์ต่อถุง นำไปสมทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ มอบให้กับอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้รับการตอบรับและความร่วมมือจากลูกค้าทั่วประเทศเป็นอย่างดียิ่ง เป็นจำนวนเงินบริจาค  57 ล้านบาท

พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการ “ลดวันละถุง…คุณทำได้ เฟส 2” โดยประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข  เพื่อเตรียมมอบเงินสมทบทุนให้แก่ โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลในชุมชน และโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร รวม 77 โรงพยาบาลใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขยายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และส่งมอบโอกาสให้กับผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดี  ซึ่งจนถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2562 สามารถลดจำนวนถุงพลาสติกได้กว่า 593,016,358 ใบ เป็นเงินมูลค่ารวมกว่า 118 ล้านบาท