ตั้งแต่งานวางหินก้อนแรกเมื่อปี พ.ศ.2425หรือค.ศ. 1882 “ซากราดา ฟามิเลีย” (Templo Expiatorio de la Sagrada Familia)โบสถ์คริสต์โรมันคาธอลิค สถาปัตยกรรมแนวนีโอ กอธิค แห่งเมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุญญา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน เมืองใหญ่อันดับ 2ของประเทศ ออกแบบโดย “อันตอนีเกาดี” — Antoni Gaudiสถาปนิกชาวกาตาลัน กำหนดสร้างมหาวิหารและยอดหอคอยสูง 18แห่งจนถึงปัจจุบันปีค.ศ. 2019สร้างแล้วเสร็จแค่ 8หอคอย
ปัญหาอุปสรรคงานก่อสร้างมหาวิหาร “ซากราดา ฟามิเลีย”ขนาดความจุผู้คนราว 6,000ชีวิตขนาดความยาว 90เมตรกว้าง 60เมตรและทางเดินระหว่างแถวเก้าอี้นั่งในโบสถ์ยาว 45เมตรไล่มาตั้งแต่“เกาดี” สถาปนิกผู้ออกแบบ และอยู่ระหว่างควบคุมงานก่อสร้างประสบอุบัติเหตุ ถูกรถรางชนเสียชีวิตกลางถนนในเมืองบาร์เซโลนา เมื่อปี 2469 (ค.ศ.1926)ด้วยวัย 73ปีทำให้งานก่อสร้างซึ่งห้วงเวลานั้นคืบหน้าเพียง 15 -25เปอร์เซ็นต์ต้องหยุดชะงักนานหลายปี
กระทั่งมีการใช้ทีมงานสถาปนิกชุดใหม่ร่วมสานต่อโครงการโดยอาศัยรูปถ่ายภาพร่างและแบบจำลองที่เกาดีทำไว้แต่แล้วระหว่างปีพ.ศ.2479-2482 (ค.ศ.1936 -1939)เกิดสงครามกลางเมืองสเปนทำให้โครงการก่อสร้าง “ซากราดา ฟามิเลีย”ต้องชะงักอีกระลอกและแบบจำลองโครงสร้างอย่างละเอียดถูกเผาทำลาย
เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมืองทีมงานสถาปนิกชุดใหม่กลับมาทำงานสานต่อโครงการ โดยอาศัยภาพร่าง ภาพถ่ายและแบบจำลองอื่นๆ ที่รอดพ้นถูกทำลายนำมาใช้ออกแบบร่วมกับคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเงินทุน ซึ่งต้องอาศัยเงินบริจาคภาคเอกชนทำให้งานก่อสร้าง“ซากราดา ฟามิเลีย”ต้องหยุดชะงักลงอีก
จนก้าวข้ามยุคศตวรรษใหม่ที่ 21เสมือนปาฎิหารย์แห่งบาร์เซโลนา นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าบาร์เซโลนามากมายเฉลี่ยถึงปีละกว่า 4ล้านคนการเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมพื้นที่“ซากราดา ฟามิเลีย”เฉลี่ยรายละ 16-43ยูโร(ราว500-1,500 บาท) ทำให้เริ่มมีรายได้มากมายหล่อเลี้ยง และสานต่องานก่อสร้าง “ซากราดา ฟามิเลีย”เดินหน้าได้อีก
ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานสถาปนิกชุดใหม่ยังได้ขยายเพิ่มเติมงานประดับตกแต่งภายในมหาวิหารซากราดา ฟามิเลีย ให้สวยงามอลังการมากขึ้น โดยเฉพาะแกนเสารูปทรงคล้ายต้นไม้ ทั้งเพิ่มการประดับตกแต่งหน้าต่างกระจกหลากสี ทำให้เกิดการสะท้อนแสงสีอย่างสวยงามตลอดเวลา
พัฒนาการงานก่อสร้าง“ซากราดา ฟามิเลีย”กำลังรุดหน้าไปเรื่อยๆ โครงสร้างรายละเอียดอันสลับซับซ้อนต้องอาศัยแรงงานทักษะสูงมากกว่า 200คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวตากาลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานแกะสลักแผ่นหินแกรนิตขนาดใหญ่ตั้งแต่1-2เมตรถึง 6เมตรความหนาแผ่นละ 30ซม.ต้องใช้มากกว่า 900แผ่นโดยแผ่นหินแกรนิตถูกเลือกสรรค์นำมาจากหลายพื้นที่ทั่วโลก เพื่อแกะสลักและถูกลำเลียงยกขึ้นติดตั้งสร้างหอคอยสูงถึง 564ฟุตหรือราว 170เมตร ซึ่งจะถือเป็นโครงสร้างสูงที่สุดของเมืองบาร์เซโลนาในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้กระบวนการแกะสลักสร้างแผ่นหินแกรนิตประกอบหอคอยมากราว 400แผ่น ถูกผลิตขึ้นที่เมืองกาเลราอยู่ห่างทางตอนเหนือเมืองบาร์เซโลนา ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์นานราว 90นาที การลำเลียงโครงสร้างแผ่นหินแกรนิตแต่ละชิ้นต้องใช้เวลา และกระบวนการยุ่งยากเคลื่อนย้ายด้วยรถพ่วงขนาดใหญ่ เดินทางจากพื้นที่แถบเนินเขาเข้าสู่เมืองประชากรแออัด และการจราจรคับคั่ง ส่วนการประกอบติดตั้งชิ้นส่วนโครงสร้างหอคอยบนที่สูง ก็ยุ่งยากซับซ้อน ทั้งอันตรายและแทบเกิดความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย
สถาปนิก“อันตอนีเกาดี”เคยพูดย้ำหลายครั้งก่อนเสียชีวิตระบุงานก่อสร้างมหาวิหาร“ซากราดา ฟามิเลีย”คงไม่แล้วเสร็จในช่วงชีวิตของเขา แต่เขาจะไม่รีบสร้าง และยืนกรานดำเนินงานก่อสร้างอย่างละเอียดรอบคอบมากที่สุด
ท่ามกลางกระแสความเชื่อของชาวเมืองบาร์เซโลนา บางส่วนระบุว่า มหาวิหารแห่งนี้อาจต้องคำสาปทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จซักที
ถึงยุคปัจจุบันปัญหาและอุปสรรคการก่อสร้างมหาวิหาร“ซากราดา ฟามิเลีย”ก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องรวมถึงปัญหาเรื่อง“ใบอนุญาตก่อสร้าง”กับปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และผังเมือง เนื่องจากในยุคเริ่มกระบวนการก่อสร้างมหาวิหาร พื้นที่แถบนั้นโดยรอบส่วนใหญ่ยังว่างเปล่า แต่ปัจจุบันกลายเป็นชุมชนหนาแน่นเต็มไปด้วยอาคารสูง อพาร์ตเมนต์ และสวนสาธารณะ ทำให้เกิดข้อพิพาทขัดแย้งกันในท้องถิ่น
คณะกรรมการสร้างมหาวิหาร“ซากราดา ฟามิเลีย”จึงดำเนินการแก้ปัญหายื่นจ่ายภาษีต่อทางการท้องถิ่นมูลค่าราว4.6ล้านยูโรหรือราว155ล้านบาทกับแผนทุ่มงบประมาณอีกราว36ล้านยูโรหรือกว่า1,220ล้านบาทตลอดช่วง10ปีข้างหน้าสร้างอาคารรองรับระบบขนส่งมวลชนใต้ดินนำนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้าชมพื้นที่มหาวิหารจากทางใต้ดิน
โครงการมหาวิหาร “ซากราดา ฟามิเลีย”ตั้งเป้าสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี ค.ศ. 2026หรือ พ.ศ. 2569หากเป็นไปตามนั้นมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าใช้ระยะเวลาก่อสร้างยาวนานถึง 144ปี…..