“ช้างศึก” ต้อน “สิงค์โปร” 2-0 คว้าชัย 4 นัดรวด ยึดแชมป์กลุ่มเอ ทะยานตัดเชือก

“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ลงสนามพบกับ “เจ้าภาพ” ทีมชาติสิงคโปร์ ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รายการ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดสุดท้าย ที่สิงคโปร์ เนชั่นแนล สเตเดียม ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ท่ามกลางแฟนบอลเข้าชมเกมในสนาม 1 หมื่นคน

สำหรับผลงานของทีมชาติไทย และสิงคโปร์ ต่างคว้าชัยรวดกันมา 3 นัดก่อนหน้านี้ เก็บ 9 แต้มเต็ม พร้อมกอดคอกันผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเกมนี้เป็นการแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มเอ ซึ่งทีมชาติไทยได้เปรียบกว่าที่มีประตูได้เสีย +7 ส่วนสิงคโปร์มีประตูได้เสีย +6

เกมนี้ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือช้างศึกจัดทัพผู้เล่น 11 ตัวจริงเปลี่ยนแปลงจากนัดก่อนยกชุด โดยผู้รักษาประตู ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, กองหลัง สุริยา สิงห์มุ้ย, ทริสตอง โด, เอเลียส ดอเลาะ, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์, กองกลางนำโดย ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, แนวรุกริมเส้น บดินทร์ ผาลา, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และกองหน้าตัวเป้า ศุภชัย ใจเด็ด

ขณะที่ ทัตซึมะ โยชิดะ กุนซือชาวญี่ปุ่นของสิงคโปร์จัดทีมชุดใหญ่ ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ฮัสสัน ซันนี่, กองหลัง ชาเคียร์ ฮัมซาห์, ซุลการ์นาเอ็น ซูซลิมาน, อิรฟาน ฟานดี้, ซาฟูวาน บาฮารุดิน, กองกลาง ชาห์ดาน ซุไลมาน, ฮาริสส์ ฮารุน (กัปตันทีม), ฮามี่ ไซยาฮิน, กองหน้า อิคาห์ซาน ฟานดี้, ฟาริส รามี่, ชาวาน อานูอาร์

เริ่มเกมครึ่งแรกทั้งสองทีมต่างเปิดเกมบุกใส่กันไม่ยั้ง แต่ก็เข้าสกัดหนักตั้งแต่ต้นเกมจนผู้เล่นทั้งไทย และสิงคโปร์มีอาการบาดเจ็บรบกวน นาทีที่ 11 สิงคโปร์ได้ลุ้นประตูจากลูกเตะมุมได้โขกบอลตรงกรอบ แต่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายด่านไทยยังปัดทิ้งออกไปได้ทัน

จากนั้นนาทีที่ 16 เจ้าถิ่นสิงคโปร์บุกกดดันอย่างหนักจนนักเตะไทยจ่ายบอลพลาดไปเข้าทาง ฮามี่ ไซยาฮิน หาช่องสับไกยิงนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าหากรอบประตู ทำให้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ต้องออกแรงเซฟทุบบอลทิ้งออกมาได้อีกครั้ง

นาทีที่ 26 นักเตะไทยมีอาการบาดเจ็บต้องรับการปฐมพยาบาลถึง 2 คน คือ สุริยา สิงห์มุ้ย ที่หัวแตกเลือดอาบต้องพันผ้าโพกศรีษะ และปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณข้อเท้า แต่ทั้งคู่กลับมาลงสนามได้

จนกระทั่งนาทีที่ 31 ทีมชาติไทยได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ บดินทร์ ผาลา ซัดบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมก่อนที่ ฮัสสัน ซันนี่ นายด่านสิงคโปร์พุ่งปัดบอลไม่ขาดไปเข้าทาง เอเลียส ดอเลาะ ตามซ้ำดาบสองเข้าประตูไปให้ทัพช้างศึกพังประตูออกนำก่อน 1-0

เข้าสู่ช่วงท้ายของครึ่งแรก ทีมชาติไทยพยายามครองบอล และหาจังหวะบุกเข้าทำ จนนาทีที่ 42 วีระเทพ ป้อมพันธุ์ แทงบอลทะลุช่องให้ ศุภชัย ใจเด็ด ได้โอกาสหลุดไปทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนแต่งบอลหนึ่งจังหวะแล้วซัดไปติดเซฟของ ฮัสสัน ซันนี่

นาทีที่ 43 แข้งไทยพลาดโอกาสได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดายจากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เก็บบอลได้ในเขตโทษแล้วส่งต่อให้ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ได้ง้างเท้าแปเน้นๆ แต่บอลไปตรงตัวของนายด่านเจ้าถิ่น

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 45+1 ทัพช้างศึกขยับสกอร์หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ ทริสตอง โด ตัดบอลจากผู้เล่นสิงคโปร์ได้แล้วส่งต่อให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ แอสซิสต์ให้ ศุภชัย ใจเด็ด หลุดเข้าไปซัดตุงตาข่าย และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทัพช้างศึกจัดการเปลี่ยนตัวสำรองลงสนามรวดเดียว 3 คน โดยส่ง ฟิลิป โรลเลอร์ ลงมาเล่นแทน สุริยา สิงห์มุ้ย, ปกเกล้า อนันต์ ลงมาแทน ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และอดิศักดิ์ ไกรษร ลงมายืนในแนวรุกแทน บดินทร์ ผาลา

นาทีที่ 47 ทีมชาติไทยได้ลุ้นจากลูกฟรีคิก ซึ่งเป็น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ โยนบอลเข้าไปในเขตโทษ ผู้เล่นสิงคโปร์เคลียร์บอลไม่ขาดไปเข้าเท้าของ ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ เติมเกมรุกขึ้นมาซัดบอลไปเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 55 สิงคโปร์อาศัยจังหวะสวนกลับเร็วขึ้นมาได้ลุ้นประตูตีไข่แตกจากจังหวะที่ อิคาห์ซาน ฟานดี้ ใช้ความเร็วกระชากบอลฉีกเกมรับทีมชาติไทยแล้วปาดบอลเข้ากลางไปถึงมือของ ศิวรัษ์ เทศสูงเนิน รับบอลเข้าซองเอาไว้ได้

นาทีที่ 60 ทีมชาติไทยต่อบอลทำเกมรุกกันได้สวยงาม วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ทำชิ่งกับ ศุภชัย ใจเด็ด แล้วแทงบอลทะลุช่องให้ ฟิลิป โรลเลอร์ เติมเกมรุกขึ้นมาได้ซัดบอลไปติดบล็อกของแนวรับลอดช่องที่ตามมาสกัดได้ทัน

นาทีที่ 66 ทัพช้างศึกขยับส่งตัวสำรองอีก 2 คนสุดท้ายลงสนาม ด้วยการส่ง พิชา อุทรา ลงมาเล่นแทน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และศิวกรณ์ เตียตระกูล ลงมาแทน ศุภชัย ใจเด็ด นาทีที่ 74 สิงคโปร์ได้ลุ้นประตูจาก อิรฟาน ฟานดี้ เก็บตกบอลในเขตโทษแต่ยิงบอลหลุดกรอบออกไป

จบเกม ทีมชาติไทย ชนะ สิงคโปร์ 2-0 ทำให้คว้าชัย 4 นัดรวด เก็บ 12 แต้มเต็ม คว้าแชมป์กลุ่มเอ พร้อมกับทะยานผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป ขณะที่ สิงคโปร์ ลงเตะ 4 นัด มี 9 แต้ม เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเช่นกัน ด้านผลอีกคู่ในกลุ่มเอ ติมอร์ เลสเต แพ้ ฟิลิปปินส์ 2-3 กอดคอกันตกรอบไปทั้งคู่

สำหรับการแข่งขันรอบรองชนะเลิศจะเตะกันระบบเหย้า-เยือน โดยไม่มีกฏยิงประตูทีมเยือน (อเวย์โกล) ซึ่งเกมนัดแรกจะลงเตะกันในวันที่ 22-23 ธันวาคม และเกมนัดที่สองจะแข่งขันกันในวันที่ 25-26 ธันวาคมต่อไป